ดับบลิวดีซี วางเป้าอันดับ 1 ธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นและผนังตลาดอาเซียน ชูบทบาทธุรกิจครบวงจร “ผู้ผลิต นำเข้า ค้าส่ง และค้าปลีก” ฉลอง 15 ปี ปรับโฉมโชว์รูมคอนเซ็ปต์ “Beauty’n Unique”
นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ดับบลิวดีซี กล่าวว่าบริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจจากการเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งพื้นและผนัง ตั้งแต่ปี 2546 ปัจจุบันดำเนินธุรกิจในลักษณะ B2B และ B2C เน้นกลุ่มสินค้าด้านวัสดุตกแต่ง พื้นและผนังที่มีดีไซน์ ทั้งที่เป็นของดับบลิวดีซี และแบรนด์นำเข้ากว่า 10 แบรนด์ จากยุโรป
ดับบลิวดีซี มีบทบาททั้งผู้ผลิต นำเข้าค้าส่งและค้าปลีก มีฐานการผลิตกระจายอยู่ในต่างประเทศ ผลิตสินค้าประเภทวัสดุตกแต่งพื้นและผนัง เพื่อการขายในประเทศและส่งออก และยังมีเครือข่ายซัพพลายเออร์ด้านจัดหาวัสดุก่อสร้างทั่วโลก
ปีที่ผ่านมามียอดขายกว่า 590 ล้านบาท คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโต 2 หลักในปี 2561 โดย ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นสู่การเป็น “ผู้นำอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านวัสดุตกแต่งพื้นและผนังที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว บริษัทได้ใช้จุดแข็งตอกย้ำภาพของการเป็นผู้นำเทรนด์ Floor & Wall Tiles ในตลาดและผู้บริโภคที่เป็น B2B และ B2C ด้วยคอนเซ็ปต์ “Beauty’n Unique” ด้วยแนวคิดธุรกิจที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การบริโภคสินค้าของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความโดดเด่นที่บ่งบอกตัวตน
เริ่มจากปรับตำแหน่งบริษัทให้เป็นมากกว่าผู้ค้าปลีก มาเป็นแหล่งรวมวัสดุเพื่อการตกแต่งระดับโลก ที่ดึงโลกแห่งศิลปะการออกแบบและแฟชั่นเข้ามาไว้ด้วยกัน สร้างเป็นสังคมใหม่ “World class Designed material Community”.เน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักออกแบบหรือดีไซเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก นักออกแบบอิสระ หรือ ดีไซเนอร์ในบริษัท ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโมเดิร์นเทรด ด้านวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนผู้บริโภคทั่วไปที่เริ่มสนใจการออกแบบตกแต่งบ้านด้วยตนเอง
พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวแคมเปญครบรอบ 15 ปี ด้วยกลยุทธ์สร้างความต่างแบบฉีกกฎการตลาด ไตรมาส 3 นี้ ได้เปิดตัวโชว์รูมใหม่รูปลักษณ์ทันสมัย นำเสนอสินค้าจากในและต่างประเทศ ปัจจุบันโชว์รูมกรุงเทพฯ อยู่ที่ ซีดีซี โซน D ชั้น 2 เลียบด่วนรามอินทรา และ นิมิตใหม่ นอกจากนี้ยังมีโชว์รูมภูเก็ต และยังเตรียมพร้อมขยายสาขาเพื่อให้บริการได้อย่างทั่วถึงอีก 4 – 5 สาขา ในจังหวัดใหญ่ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Big Slab Tiles” กระเบื้องขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ทดแทนหินได้ทุกชนิด
ด้านช่องทางจัดจำหน่ายจะขายผ่านรูปแบบการการค้าส่ง การขายโครงการ และการค้าปลีก โดยการค้าส่งประกอบด้วยกลุ่มโมเดิร์นเทรดด้านวัสดุก่อสร้าง กลุ่มนักออกแบบ หรือดีไซเนอร์ ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิก นักออกแบบอิสระ หรือ ดีไซน์เนอร์ในบริษัทต่างๆ ตลอดจนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่รายเล็ก ส่วนกลุ่มเป้าหมายการค้าปลีกก็จะเป็นผู้บริโภคทั่วไปที่เริ่มสนใจการออกแบบตกแต่งบ้านด้วยตนเอง