ช้อปดีมีคืน ช่วยกระตุ้นการบริโภคปลายปี คาดทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 111,000 ล้านบาท ดันจีดีพีเพิ่ม 0.30%
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงมาตรการช้อปดีมีคืนที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบวันนี้ (12 ต.ค.) ว่า มาตรการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นที่เป็นเศรษฐกิจระดับฐานรากและส่งเสริมการอ่านอันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
ทั้งนี้ กำหนดให้ผู้มีเงินได้ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้า หรือ ค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้า หรือ ค่าบริการ สำหรับการซื้อสินค้า หรือ การรับบริการในประเทศที่จ่ายให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
รวมถึงค่าซื้อหนังสือ และค่าบริการหนังสือ ที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และค่าสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
โดยไม่รวมถึงค่าสุรา เบียร์ และไวน์ ค่ายาสูบ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และ เรือ ค่าหนังสือพิมพ์ และนิตยสารและค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ค่าบริการจัดนำเที่ยว และค่าที่พักในโรงแรม ทั้งนี้ ผู้มีเงินได้ต้องไม่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ “คนละครึ่ง” หรือ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศในช่วงปลายปี 2563 ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมูลค่าประมาณ 111,000 ล้านบาท และจะส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้นประมาณ 0.30% ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษีและส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐระยะยาว
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว เป็นหนึ่งในมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ประกอบด้วย 3 โครงการ/มาตรการ ได้แก่
- โครงการคนละครึ่ง จะช่วยเหลือดูแลพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา
- โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” จะช่วยเหลือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินพิเศษ สำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น 500 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
- มาตรการช้อปดีมีคืน จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นและส่งเสริมการอ่าน
ทั้งนี้ โครงการ/มาตรการดังกล่าวจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายกว่า 28 ล้านคน โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 192,000 ล้านบาท ส่งผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้นประมาณ 0.54%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ชี้แจงข้อวิจารณ์โครงการ “ช้อปดีมีคืน” โดยระบุว่า
1. นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นต่อ “โครงการช้อปดีมีคืน” ว่าเป็นการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจไม่ตรงจุดและขณะนี้ประชาชนไม่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อเอาภาษีคืน ดังนั้นผลประโยชน์จึงตกอยู่กับกลุ่มผู้มีรายได้สูง ซึ่งทำให้เห็นภาพความเหลื่อมล้ำชัดเจนมากขึ้น เพราะกลุ่มคนที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ต้องมีรายได้ 300,000 ขึ้นไป
2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าโครงการดังกล่าว ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่อยู่ในระบบภาษี ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใด
ข้อเท็จจริง : กระทรวงการคลังขอชี้แจงว่า มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เป็น 1 ใน 3 มาตรการเพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศ นอกเหนือจาก โครงการคนละครึ่งและโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ของกระทรวงการคลัง ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะครอบคลุมประชาชนทุกภาคส่วนกว่า 28 ล้านคน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 192,000 ล้านบาท และคาดว่า GDP เพิ่มขึ้นประมาณ 0.54%
- มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภค ในประเทศ โดยสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี และประชาชนผู้ที่มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมการอ่าน อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
- มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” เน้นการสนับสนุนผู้ประกอบการ ที่อยู่ในระบบภาษี ไม่มีข้อกำหนดใดๆ ในเรื่องขนาด ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มทุกรายล้วนแล้วอยู่ในข่ายที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการทั้งสิ้น
- “โครงการคนละครึ่ง” ซึ่งเป็นอีกโครงการภายใต้ความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังที่จะดูแลช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็กที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 226,161 ร้าน (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2563)
- “โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14 ล้านคน โดยการเพิ่มวงเงินพิเศษสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น 500 บาท/คน/เดือน 3 เดือน (ต.ค. – ธ.ค. 63) ซึ่งกระทรวงการคลังได้ทำการโอนเงินงวดแรกแล้วเมื่อวัน 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา
- กระทรวงการคลังดูแลประชาชนทุกคนให้โดยความสำคัญแก่ทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน กระทรวงการคลังจะมีการติดตามทุกมาตรการ/โครงการอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อดูแลเศรษฐกิจไทยอย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ขอให้ติดตามรายละเอียดมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ภายหลังผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นายกฯ’ อวดโฉมใหม่ ‘ทีมเศรษฐกิจ’ เรียกเชื่อมั่น สัญญาจะทำงานอย่างเต็มที่
- ‘กองสลากฯ’ ยืนหนึ่ง! นำส่งรายได้แผ่นดินปีงบประมาณ 63 สูงสุด
- ‘อาคม’ ลั่นยึดงานเป็นหลัก! ไม่กลัวการเมืองแทรกแซง