Economics

‘นายกฯ’ อวดโฉมใหม่ ‘ทีมเศรษฐกิจ’ เรียกเชื่อมั่น สัญญาจะทำงานอย่างเต็มที่

“นายกฯ” โชว์ “ทีมเศรษฐกิจ” หลัง “อาคม” เข้ารับตำแหน่ง เรียกความเชื่อมั่น สัญญาจะทำงานแก้ปัญหาอย่างเต็มที่และรอบคอบ แง้ม! เตรียมทยอยเปิดตัวอีกหลายมาตรการ

วันนี้ (12 ต.ค. 63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมด้วย ทีมเศรษฐกิจ ได้แก่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเรียกความเชื่อมั่น

นายก ประยุทธ์ อาคม สุพัฒนพงษ์ สันติ ทีมเศรษฐกิจ

อวด “ทีมเศรษฐกิจ”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (11 ต.ค. 63) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้เข้าพิธีถวายสัตย์ฯ เพื่อเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว นายอาคมก็ถือเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ก็แล้วกัน หน้าใหม่วันนี้นะ

“วันนี้ผมนำทั้งฝ่ายเศรษฐกิจมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกท่าน ทั้งในส่วนของสื่อ สังคม ประชาชนโดยรวมว่า เราจะทำงานกันอย่างเต็มที่ จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ได้อย่างระมัดระวังที่สุด ให้ครอบคลุมถึงทุกกลุ่ม ทุกมาตรการต่างๆ ที่ทำออกไปวันนี้ เดี๋ยวคงมีการแถลงรายละเอียดเพิ่มเติม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในส่วนของนายกรัฐมนตรีอยากจะเรียนที่ประชุมให้รับทราบว่า มีการอนุมัติหลายเรื่องที่เกี่ยวกับงานด้าน เศรษฐกิจ เรื่องสำคัญที่อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบ ก็คือภารกิจสำคัญที่ผมมุ่งเน้นเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา นั้นก็คือการดูแล บรรเทาปัญหาเศรษฐกิจปากท้องช่วยคนหลายสิบล้านคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ ในส่วนของประชาชาชนคนไทยในต่างประเทศ ก็ทยอยเดินทางกลับมาก็มีอยู่หลายแสนคนแล้วในขณะนี้ ก็ดำเนินการต่อเนื่องไป

IMG 20201012133111000000

สิ่งที่มีการประชุมในศูนย์บริหารสถานการณ์ เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) และรัฐบาลกำลังทำ มีเรื่องการปรับปรุงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤติที่เกิดขึ้นทั่วโลกและจะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเพิ่มเติม เราต้องทำหลายๆ อย่าง หลายๆ มาตรการไปพร้อมกัน

เป้าหมายหลักก็คือ ช่วยคนที่มีรายได้น้อยให้พอมีเงินใช้จ่าย และช่วยคนมีรายได้มาก คนที่มีเงินแต่ไม่อยากใช้ได้ ออกมาใช้เงินไปด้วย เพื่อจะดึงเงินให้เข้าไปหมุนเวียนในระบบ เศรษฐกิจ มีทั้งผู้ผลิต แปรรูป ตลาด ทุกคนต้องช่วยกัน อย่าไปรังเกียจสิ่งกันและกัน

ผมขอขอบคุณภาคเอกชนผ่านทางสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ภาคธุรกิจต่างๆ องค์กรธุรกิจต่างๆ ที่เข้าร่วมWorkshop ที่รัฐบาลหรือผมได้จัดขึ้น เพื่อนำเสนอความคิดเห็นให้ผมได้ทราบโดยตรงถึงความต้องการ ปัญหาอุปสรรคของท่านในช่วงเดือนที่ผ่านมา

หลายคน หลายภาคธุรกิจ ก็ได้นำเสนอความคิดผ่านคณะทำงานต่างๆ ซึ่งก็มีประโยชน์อย่างมากในการที่รัฐบาลจะนำวิเคราะห์หาทางดำเนินการให้เกิดผลสำฤทธิ์ให้ได้โดยเร็ว แต่ต้องช่วยกัน จะได้ตรงกับความต้องการ เหมือนกับมาตรการที่ร่วมกันภาครัฐและเอกชน ภาครัฐบาลจะดูแลเรื่องภาษียังไง เดี๋ยวกระทรวงการคลังคงจะชี้แจงเพิ่มเติม

เรื่องสำคัญที่สุดคือการที่เราใช้คำว่า “รวมไทยสร้างชาติ” ทุกคนที่เป็นคนไทย ผมย้ำทุกคนที่เป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทยจะต้องจับมือทุกคนทุกภาคส่วน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อจะนำพาประเทศไทยของเราไปข้างหน้า

“3 มาตรการหลัก” วันนี้

วันนี้ 3 มาตรการสำคัญที่จะกระตุ้นการจับจ่ายภายในประเทศ ที่ประชุม ครม. อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว ได้แก่

1.มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ให้ประชาชน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท อันนี้อยู่ขั้นตอนดำเนินการอยู่

2.มาตรการคนละครึ่ง กระตุ้นการใช้จ่าย โดยประชาชนออกครึ่งหนึ่ง รัฐบาลออกอีกครึ่งหนึ่ง นี่เป็นเรื่องของผู้มีรายได้น้อย ร้านค้าปลีก แต่ต้องขึ้นทะเบียนและจะเป็นการจ่ายเงินตรงผ่าน e-Wallet

3.มาตรการช้อปดีมีคืน ประชาชนนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท แต่ขอ 50,000 บาท คงไม่ไหว เอา 30,000 บาท ก็แล้วกันนะ

สำหรับมาตรการคนละครึ่ง เป็นการซื้อสินค้าปลีกทั่วๆ ไป แต่มาตรการช้อปดีมีคืน เป็นการซื้อสินค้าคงทน เห็นว่าจะต้องมีมาตรการเฉพาะกลุ่มออกมา ซึ่งจะทยอยออกมาเรื่อยๆ

“มาตราการทั้ง 3 มาตรการ มีเป้าหมายเพื่อจะดึงเงินเข้าสู่ระบบ เศรษฐกิจ เมื่อมีการใช้จ่าย มีการผลิต มีการจ้างงาน สามารถดำรงชีพอยู่ได้ แต่ถ้าดำรงชีพแล้ว ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ ก็คือปัญหานั้นแหละ หนี้ครัวเรือนก็เกิด อะไรก็เกิด ช่วงนี้มันต้องใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร ฝากไว้ด้วยแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ตมยังได้ติดตามและเปรียบเทียบมาตรการเศรษฐกิจกับหลายๆ ประเทศ เช่น จีน สหรัฐ ยุโรป ซึ่งก็มีหลายส่วนที่คล้ายกัน เพียงแต่ว่า เขาเป็นประเทศใหญ่ เงินเขามากกว่าเรา ของเราก็ต้องทำให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีอยู่

ทุกประเทศเผชิญกับวิกฤติ เศรษฐกิจ ทั้งนั้น หลายประเทศแย่กว่าเราอีก ประเทศไทยมีเสถียรภาพของเราอยู่ ไม่ควรทำลายเสถียรภาพของตัวเอง ด้วยเรื่องที่มันไม่ควรจะทำ เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นหายไป ถ้าทำลายตอนนี้ ประเทศไทยจะฟื้นกลับได้ยาก เพราะจะแข่งขันไม่ทันกับประเทศอื่น ก็ฝากประชาชนให้รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เคารพกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับคนอื่น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo