สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับ แคลเรียน อีเว้นท์ และบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด จัดงาน RetailEX ASEAN 2018 งานแสดงสินค้านวัตกรรมและการประชุมนานาชาติ เพื่อธุรกิจค้าปลีกครบวงจร ระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2561 ภายในงานจัดสัมมนานำเสนอ “เทรนด์” การตลาดและพฤติกรรม รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับตลาดค้าปลีกและเทคโนโลยี
“จีเอฟเค ประเทศไทย” ผู้ให้บริการวิจัยการตลาดครบวงจร ให้มุมมองตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยี ปัจจุบัน และเทรนด์การตลาดเจาะกลุ่มกำลังซื้อช่วงชิงกำลังซื้อที่ยังมีแนวโน้มเติบโต
ปัจจุบันตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยี สัดส่วนใหญ่ที่สุดยังอยู่ที่กรุงเทพฯและปริมณฑล สัดส่วน 38% ภาคกลาง 18% ภาคอีสาน 17% ภาคใต้ 14% และ ภาคเหนือ 13% ทั้งนี้หากย้อนหลังไป 10 ปีก่อน พบว่า ตลาดกรุงเทพฯและปริมณฑล มีสัดส่วนลดลงต่อเนื่อง โดยปี 2551 อยู่ที่ 50% ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดทุกภาคสัดส่วนเพิ่มขึ้น เนื่องจากพื้นที่เมืองในแต่ละจังหวัดขยายตัว จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดต่างๆ
ครึ่งปีแรกเครื่องใช้ไฟฟ้า “ติดลบ”
ลักขณา นิยม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท จีเอฟเค ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยีปี 2560 มีมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท ด้านปริมาณ 23.9 ล้านยูนิต สำหรับช่วงครึ่งปีแรก 2561 ด้านมูลค่า ติดลบ 1.3% ด้านจำนวน(ยูนิต) ติดลบ 3.1%
ทั้งนี้ ตลาดใหญ่สุดคือ “มือถือและอุปกรณ์สื่อสาร” สัดส่วน 43% ครึ่งปีแรกติดลบ 4.3% เนื่องจากยังไม่มีสินค้ารุ่นใหม่ออกมาทำตลาดมากนัก โดยโมเดลใหม่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง หากตลาดมือถือฟื้นตัวในครึ่งปีหลังจะช่วยกระตุ้นภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยีให้ฟื้นตัวได้
ส่วนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วย เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ สัดส่วน 20% ตลาดติดลบ 2% ปกติกสินค้ากลุ่มนี้ ไฮซีซันอยู่ในช่วงซัมเมอร์ แต่ปีนี้พบว่ากำลังซื้อไม่คึกคัก โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากสภาพอากาศไม่ร้อนมาก เมื่อเทียบกับปีก่อน
ขณะที่สินค้าหมวดภาพและเสียง สัดส่วน 12% เติบโต 8.1% โดยเฉพาะกลุ่มทีวี เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุน จากการแข่งฟุตบอลโลก ทำให้ครัวเรือนต่างๆ ซื้อจอทีวีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นในปีนี้ ส่วนสินค้าไอที เช่น คอมพิวเตอร์ สัดส่วนราว 12% ติดลบ 3.2% สินค้ากลุ่มนี้ชะลอตัวต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภค หันมาใช้ “มือถือ” โดยเฉพาะจอขนาดใหญ่ เป็นอุปกรณ์ใช้งานและเสพคอนเทนท์แทนอุปกรณ์ไอที ประเภทต่างๆ มากขึ้น
เปิด 3 เทรนด์ชิงโอกาสโต
อย่างไรก็ตามท่ามกลางตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยี ที่อยู่ในภาวะถดถอยช่วงครึ่งปีแรก แต่พบว่ามี 3 เทรนด์การตลาดที่ช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดนี้ได้เช่นกัน
เทรนด์ที่ 1 สินค้าพรีเมียม
เนื่องจากผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีขึ้น สะท้อนได้จากสินค้าพรีเมียมบางรายการยังมีแนวโน้มเติบโต เพราะขณะที่ภาพรวมมือถือครึ่งปีแรกถดถอย 4.3% แต่พบว่ามือถือจอใหญ่ 5.5 นิ้วขึ้นไป เติบโต 273% ปัจจุบันเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของตลาดมือถือ เนื่องจากผู้บริโภคซื้อเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์เสพคอนเทนท์ ดูหนัง ฟังเพลง
เช่นเดียวกับสินค้าพรีเมียมกลุ่มอื่นๆ เช่น จอทีวี 4K เติบโต 89%, เครื่องทำน้ำอุ่น เติบโต 28% ,โมบาย เกมมิ่ง เติบโต 14% , เครื่องซักผ้าฝาหน้า เติบโต 10%
พบว่าตลาดอุปกรณ์ไอที เกมมิ่ง มีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าอุปกรณ์ไอทีทั่วไป โดยปี 2559 สัดส่วนอุปกรณ์ไอที เกมมิ่ง อยู่ที่ 11% ของตลาดไอที ปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 16% และปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 26% มาจากผู้เล่นเกมมีการอัพเกรดอุปกรณ์เล่นเกมรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ “มือถือสำหรับเล่นเกม” มีแบรนด์ใหม่เปิดตัวตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบรนด์จากประเทศจีน ที่ราคาไม่เกิน 1 หมื่นบาท
ตลาดสมาร์ทโฟน ครึ่งปีแรก พบว่า หน้าจอต่ำกว่า 4.7 นิ้ว มูลค่า ลดลง 55% จำนวนยูนิต ลดลง 66% หน้าจอขนาด 4.7-5.3 นิ้ว มูลค่า ลดลง 32% ยูนิตลดลง 15% หน้าจอขนาด 5.3-5.5 นิ้ว มูลค่าลดลง 36% ยูนิตลดลง 23% ขณะที่หน้าจอใหญ่ขนาด 5.5-5.9 นิ้ว มูลค่าและจำนวนยูนิต เพิ่มขึ้น 100% หน้าจอขนาด 5.9-6.9 นิ้ว มูลค่าและจำนวนยูนิต เพิ่มขึ้น 100%
เทรนด์ที่ 2 สินค้าที่เชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ต (Connectivity)
ปัจจุบันประชากรไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนกว่า 70% ดังนั้นอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงการใช้งานกับอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเติบโตสูงมากกว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป จากพฤติกรรมการรับชมคอนเทนท์รูปแบบสตรีมมิ่ง ส่งผลให้ “สมาร์ททีวี” เติบโตต่อเนื่อง และการขยายตัวของเทคโนโลยี สมาร์ทโฮม ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า IoT ภายในบ้าน และอุปกรณ์ที่สั่งการด้วยเสียงมากขึ้น
เทรนด์ที่ 3 ร้านค้าออนไลน์
ปัจจุบันผู้บริโภคเรียนรู้และมีประสบการณ์ด้านช้อปปิ้งออนไลน์สินค้าประเภทต่างๆ มากขึ้น เนื่องจาก ตอบโจทย์ความสะดวกในการซื้อสินค้า จากการสำรวจครึ่งปีแรก 2561 กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยี ที่มีการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น และสูงกว่าสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น ไอที สัดส่วน 11% กลุ่มแกดเจ็ท 47% เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ผู้บริโภคยังต้องการเห็นสินค้าที่หน้าร้าน
อย่างไรก็ตามในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าผู้บริโภคมีพฤติกรรม เลือกดูสินค้าที่หน้าร้านเพื่อต้องการทดลอง จากนั้นจะเปรียบเทียบราคาผ่านช่องทางออนไลน์ และหาโปรโมชั่นราคาดีที่สุดเพื่อตัดสินใจซื้อ
ดังนั้นผู้ประกอบการสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยีจะต้องพัฒนาช่องทางการจำหน่าย ทั้งช่องทางร้านค้าปกติและช่องทางออนไลน์ และทำการตลาดผสมผสานทั้ง 2 ช่องทาง ในรูปแบบ “ออมนิ แชนแนล” เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อในช่องทางที่สะดวกและตอบโจทยท์ความต้องการแต่ละคน