World News

โพลยก ‘คามาลา แฮร์ริส’ ชนะใส ดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ

ชาวอเมริกันยก “คามาลา แฮร์ริส” เหนือชั้นกว่า “ไมค์ เพนซ์” ศึก ดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ  ชูประเด็น “โควิด-สงครามการค้า” ฟาดฟันกันหนัก 

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของประชาชน ในสหรัฐ ที่รับชมการ ดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ  ระหว่างนายไมค์ เพนซ์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพับลิกัน และนางคามาลา แฮร์ริส คู่ชิงจากพรรคเดโมแครต ในช่วงเช้าวันนี้ (8 ต.ค.) ตามเวลาไทย พบว่า 6 ใน 10 ของผู้รับชมการดีเบต หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 59% มองว่า นางแฮร์ริส อภิปรายได้ดีที่สุด และมีเพียง 38% เท่านั้นที่มองว่า นายเพนซ์ทำได้ดีที่สุด

a1 3

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังระบุว่า นางแฮร์ริสเรียกคะแนนนิยมจากกลุ่มผู้รับชมได้มากกว่า ขณะที่ผู้ชมมองว่า การอภิปรายของนายเพนซ์ ไม่ได้ช่วยให้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น

ผลสำรวจจากการสัมภาษณ์ประชาชน ก่อนดีเบตพบว่า 56% มีมุมมองที่ดีต่อนางแฮร์ริส และเมื่อจบการดีเบต คะแนนนิยมของนางแฮร์ริส เพิ่มขึ้นเป็น 63% ขณะที่คะแนนนิยมของนายเพนซ์ยังคงอยู่ที่ 41% ทั้งก่อน และหลังการดีเบต

ทั้งนี้ ผลสำรวจหลังการดีเบตดังกล่าวจัดทำโดย SSRS ผ่านการสัมภาษณ์ผู้ชมทางโทรศัพท์ และรวมถึงการสัมภาษณ์ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 609 คนที่รับชมการดีเบตครั้งนี้ โดยผลการสำรวจอาจมีความคลาดเคลื่อนบวกลบราว 5.3%

ดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ  ดุเดือดประเด็น “โควิด-สงครามการค้า”

การประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบตระหว่างนายเพนซ์  กับนางแฮร์ริส ในครั้งนี้ ประกอบด้วยหลายประเด็น รวมถึง การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, สงครามการค้า, ปัญหาโลกร้อน และการแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลฏีกา โดยมีนางซูซาน เพจ หัวหน้าสำนักงานวอชิงตัน ของหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ

ผู้ดำเนินรายการเริ่มต้นกล่าวกับนางแฮร์ริสว่า โรคโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้ เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับตั้งคำถามกับนางแฮร์ริสว่า เธอจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ เพื่อปิดธุรกิจและโรงเรียน รวมทั้งออกคำสั่งให้ประชาชนสวมหน้ากากหรือไม่

นางแฮร์ริสตอบคำถามดังกล่าว ด้วยการโยงถึงประชาชนกว่า 210,000 คน ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19, ผู้ติดเชื้อกว่า 4 ล้านราย และประชาชนตกงานกว่าหลายล้านคน

ในจังหวะนี้ นางแฮร์ริสได้หันไปมองกล้องโทรทัศน์ ก่อนที่จะกล่าวกับบรรดาผู้ที่กำลังชมการถ่ายทอดสดทั่วโลกว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ รู้ปัญหานี้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่ทำอะไรเลย

ดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ

“พวกเขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้บอกพวกคุณ คุณลองนึกภาพดูว่า หากรู้ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม แทนที่จะเพิ่งรู้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พวกคุณ ก็คงจะเตรียมตัวทัน……. ชาวอเมริกันได้ร่วมกันเป็นพยานถึงความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติของเรา” นางแฮร์ริสกล่าว โดยหันไปมองกล้องโทรทัศน์ เพื่อพูดกับผู้ที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสด

นางแฮร์ริส ยังกล่าวยังตรงไปตรงมาว่า หากมีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ออกมาในช่วงที่คณะทำงานของทรัมป์บริหารประเทศ ก็หมายความว่า วัคซีนดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ แต่ถูกผลักดันโดยทรัมป์ ซึ่งเธอจะไม่ยอมฉีดวัคซีนนั้น แต่หากผู้เชี่ยวชาญเช่น นพ.แอนโทนี ฟอซี ให้การรับรอง เธอก็จะฉีดวัคซีนนั้น

ในจังหวะนี้เอง นายเพนซ์พูดแทรกขึ้นมาว่า “การที่คุณบั่นทอนความเชื่อมั่นในวัคซีนเช่นนี้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่อาจยอมรับได้” ซึ่งทำให้นางแฮร์ริสมีท่าทีไม่พอใจและพูดว่า “ท่านรองประธานาธิบดี ดิฉันกำลังพูดอยู่ค่ะ”

แต่นายเพนซ์ไม่หยุด และกล่าวต่อไปว่า “คุณมีคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนต้านโควิด-19 เพราะคุณรู้สึกว่าปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจทางการเมือง เพื่อเร่งการผลิตวัคซีน ผมอยากบอกคุณว่า หยุดเล่นการเมืองกับชีวิตประชาชน”

นายเพนซ์ยังกล่าวด้วยว่า แผนการรับมือไวรัสโควิด-19 ของนางแฮร์ริสและนายโจ ไบเดนนั้น ถูกฉีกออกมาจากแนวทาง ที่คณะบริหารของปธน.ทรัมป์กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

“แผนการของพวกคุณเหมือนกับการขโมยความคิดของคนอื่น และโจ ไบเดนก็มีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับการจัดการในเรื่องนี้” นายเพนซ์กล่าว

ผู้ดำเนินรายการขอให้นางแฮร์ริส และนายเพนซ์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามการค้า ซึ่งนางแฮร์ริส กล่าวโจมตีนายเพนซ์ และคณะบริหารของทรัมป์

ดีเบตคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ

“ก่อนหน้านี้ รองประธานาธิบดีเพนซ์กล่าวว่า ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการทำสงครามการค้ากับจีน แต่ดิฉันขอยืนยันว่า ท่านพ่ายแพ้ในสงครามการค้า ท่านแพ้แล้ว การที่ดิฉันสรุปเช่นนี้ได้ก็เพราะว่า การทำสงครามการค้ากับจีน ส่งผลให้เราสูญเสียตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมากถึง 300,000 ตำแหน่ง”

นางแฮร์ริส บอกด้วยว่า เกษตรกรเผชิญกับการล้มละลายมากขึ้นในช่วงหลายปีทีผ่านมา และการจ้างงานในภาคการผลิตก็ทรุดตัวลงอย่างมาก

จังหวะนี้เอง นายเพนซ์ได้โต้ตอบกลับมาว่า “พ่ายแพ้ในสงครามการค้ากับจีนอย่างนั้นหรือ โจ ไบเดน ไม่เคยต่อสู้อะไรด้วยซ้ำ”

“โจ ไบเดน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาหลายสิบปีแล้ว และคุณ วุฒิสมาชิกแฮร์ริส คุณพูดบนความคิดเห็นส่วนตัว แต่ไม่ได้พูดบนข้อมูลความจริงที่คุณเองก็มี” นายเพนซ์กล่าว

ทั้งนี้ การดีเบตระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ เมืองซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์ และเป็นการดีเบตเพียงรอบเดียว

ในขณะที่การดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต จะจัดขึ้นทั้งหมด 3 รอบซึ่งรอบแรกได้ปิดฉากไปแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยานนที่ผ่านมา

ที่มา : Infoquest

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo