Politics

เช็คเลย! ตำรวจนครบาลเปิดรายชื่อถนน 14 เส้นท่วมแน่แค่ฝนตก

ตำรวจนครบาล เตือนประชาชนหลีกเลี่ยงถนน 14 เส้นทางในกรุงเทพหากเกิดฝนตกหนัก กำชับตำรวจจราจรทุกพื้นที่เตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดน้ำท่วมขัง

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ตำรวจจราจรเตรียมกำลังพร้อมดูแลเส้นทางจราจร หากฝนตกน้ำท่วมขังในระยะนี้ หลังกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า กรุงเทพ จะได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชันมีฝนตกกว่า 60-70% ของพื้นที่ ในวันที่ 7 – 9 ตุลาคมนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้

ตำรวจนครบาล

ทั้งนี้ ตำรวจนครบาล ได้เตรียมความพร้อมรับมือโดยกำชับตำรวจจราจรทุกพื้นที่ปฏิบัติตามแนวทาง 4 ร. คือ

  1. รับมือ เตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดน้ำท่วมขัง ทั้งเครื่องมือ เจ้าหน้าที่ และเตรียมเส้นทางเลี่ยง
  2. รายงานข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบทุกช่องทางเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมขัง เพื่อให้สามารถวางแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางได้
  3. ระดม กำลังจัดเป็นชุดช่วยเหลือน้ำท่วมขัง กรณีประชาชนรถเสียรถขัดข้อง
  4. ร่วมมือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามแนวทาง 4 ส. คือ

  1. ศึกษาเส้นทาง เพื่อหาทางเลี่ยง หากเส้นทางที่ใช้ประจำเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง
  2. สภาพอากาศ ขอให้ติดตามสภาพอากาศช่วงนี้อย่างใกล้ชิด
  3. สงสัยไว้ก่อน หากเดินทางไปในเส้นทางใดแล้วการจราจรติดขัดกว่าปกติ ให้สันนิษฐานว่าเกิดน้ำท่วมขัง
  4. สอบถาม ข้อมูลการจราจรหรือจุดที่มีน้ำท่วมขังที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจร 1197

พร้อมกันนี้ ได้ประชาสัมพันธ์จุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง 14 แห่ง ที่ยังเป็นจุดอ่อน หากเกิดฝนตกเกินกว่า 60 มิลลิเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางเหล่านี้ ได้แก่

  1. ถนนแจ้งวัฒนะ
  2. ถนนรัชดาภิเษก
  3. ถนนพหลโยธิน
  4. ถนนประชาราษฎร์สาย 2
  5. ถนนราชวิถี
  6. ถนนพญาไท
  7. ถนนศรีอยุธยา
  8. ถนนจันทน์
  9. ถนนสาธุประดิษฐ์
  10. ถนนสวนพลู
  11. ถนนสุวินทวงศ์
  12. ถนนเพชรเกษม
  13. ซอยหมู่บ้านเศรษฐกิจ
  14. ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล

ตำรวจนครบาล

ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งเตือนว่า ในช่วงวันที่ 7 – 9 ตุลาคม 2563 หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น เป็นพายุดีเปรสชัน และเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมาก

ซึ่งกรณีดังกล่าวกรุงเทพมหานครไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เตรียมความพร้อม ในการรับมือปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากพายุดีเปรสชั่นดังกล่าว โดยมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ฝน และเฝ้าระวังปัญหาน้ำขังเร่งระบาย ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครได้แบ่งภารกิจเฝ้าระวังติดตามในพื้นที่ต่างๆ ด้วย ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) จะลงพื้นที่บริเวณอุโมงค์ระบายน้ำพระราม 9 เพื่อตรวจสอบว่าต้องดำเนินการในส่วนใดเพิ่มเติมบ้าง

“ส่วนตัวคาดว่า พายุดังกล่าวจะส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ สูงสุดประมาณ 100 มิลลิเมตร ซึ่งก็ได้เตรียมความพร้อมรับมือฝนอย่างเต็มที่ ทั้งเครื่องผลักดันน้ำ เครื่องสูบน้ำให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มกำลัง รวมถึงการจัดเจ้าหน้าประจำจุดเสี่ยงต่างๆ ทั้งนี้ที่ผ่านมาในเดือน สิงหาคม 2563 มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ มากถึง 150 มิลลิเมตร โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 มีฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตร ซึ่งหากมีฝนตกมากกว่า 100 มิลลิเมตร จำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการระบายน้ำเพิ่มขึ้น” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มี 2 จุดที่ใช้เวลาในการระบายน้ำนานสุดประมาณ 3 ชั่วโมง คือ บริเวณสุขุมวิท 71 ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับ อ.สำโรง จ.สมุทรปราการ และบริเวณหน้าวัดศรีเอี่ยม ซึ่งเป็นพื้นที่แอ่งกระทะและอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ทางรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ ได้กำชับให้สำนักการระบายน้ำลดระดับน้ำในคลองเพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำฝนในระยะนี้ สำนักงานเขตจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงต่างๆ คอยช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนหากเกิดกรณีมีน้ำขังเร่งระบาย และหากพื้นที่ใดที่มีน้ำสูงทำให้เดินทางเข้าออกลำบากให้สำนักงานเขตจัดรถบริการรับส่งประชาชน ซึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังรอระบายนั้นกรุงเทพมหานครได้ให้ความสำคัญตลอดมา

“ปัจจุบันการระบายน้ำในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพมหานครสามารถทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่หากเกิดฝนตกหนักปริมาณมากกว่า 100 มิลลิเมตร จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการระบายน้ำเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานครพร้อมให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo