Politics

‘นิพนธ์’ ออกโรงโต้ปม ‘ปปช. ชี้มูล’ ยันไม่ได้ทุจริต แต่ช่วยรักษาผลประโยชน์รัฐ

“นิพนธ์” โต้ปมร้อน โดนป.ป.ช.ชี้มูล ทำผิดมาตรา 157 ไม่อนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณ ค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ยืนยันไม่ได้ทุจริต แต่รักษาผลประโยชน์ของรัฐ มั่นใจเคลียร์คนประชาธิปัตย์ได้ 

วันนี้ (7 ต.ค.) นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สงขลา (อบจ.สงขลา) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายนิพนธ์ ครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

นิพนธ์

นายนิพนธ์ ระบุว่า ตนไม่ได้ทุจริต และฟังข้อกล่าวหาของป.ป.ช. ก็ไม่ได้บอกว่าตนทุจริต เพียงแต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่จ่ายเช็ค ชำระค่ารถซ่อมบำรุงอเนกประสงค์  ซึ่งมีผลการสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่า มีการฮั้วการประมูล และมีร่องรอยของการฮั้วตลอดเส้นทาง ตั้งแต่วันทำสัญญา วันขายแบบ สิ่งเหล่านี้ทำให้ตน ในฐานะผู้บริหารจะต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ว่า ใครเสนออะไรมาแล้วจะต้องเซ็นทุกเรื่อง แล้วไปแก้ไขในภายหลัง

หากดูให้ดีในกรณีนี้ มีข้อพิรุธตั้งแต่ขั้นตอนการรับแบบ มีการขยายเวลาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคณะกรรมการที่สอบ ก็บอกว่าไม่มีอำนาจตามกฎหมายมารองรับ ในการขยายเวลา มารับแบบได้เช่นนี้ และเมื่อการขยายเวลามารับแบบไม่ชอบ ก็ถือว่าไม่มีการรับแบบ

“อันนี้มองด้วยสายตาเปล่า สำหรับคนที่มีความระมัดระวัง จะเห็นร่องรอยเหล่านี้ จนกระทั่งมาถึงวันที่ผมให้ไปตรวจสอบระบบว่า รถใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะเป็นรถสเปคพิเศษ ซึ่งเป็นรถสิบล้อ แล้วมาดัดแปลงให้มีคุณลักษณะพิเศษ ก็ต้องไปสอบว่าใช้ได้จริงหรือไม่ เมื่อกรรมการทดสอบแล้วว่าใช้ได้จริง ผมก็นำไปสู่ขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นทรัพย์สินของ อบจ. ก็คือไปจดทะเบียนที่ขนส่ง”

” ผมก็มีหนังสือนำส่งให้ ผมไม่ได้ขัดขวางอะไร วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ผมก็ไม่ได้ประวิงเวลา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ก็เบิกรถไปตรวจสภาพที่ขนส่ง พอวันนั้น หนังสือจากจังหวัดสงขลา ที่ให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริ มาถึงที่ อบจ. ที่ฝ่ายนิติการ นี่คือจุดที่ตัดสินใจว่า ทำไมไม่ลงนามจ่ายเช็ค เพราะจังหวัดสงขลามีหนังสือถึงอบจ. ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 ให้สอบข้อเท็จจริง และรายงานมาให้จังหวัดทราบ”

ระหว่างสอบข้อเท็จจริงมีการนำคดีไปฟ้องศาลปกครองสงขลา ต่อมาคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงสรุปว่า คดีนี้ส่อว่าทำผิดกฎหมาย สมยอมราคากัน ก็ต้องรายงานจังหวัด จังหวัดเลยบอกว่า เมื่อคดีอยู่ในศาลแล้ว ให้ปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 17 ธันวาคม 2552 ถ้าคดีอยู่ในศาลแล้วให้รอให้คำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดก่อน แล้วปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล

ขณะนี้คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด ยังไม่ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด เงินจำนวน 51 ล้าน ก็ยังอยู่ที่อบจ. พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล

สำหรับกรณีที่มีการระบุว่า นายนิพนธ์สั่งตรวจรับรถใหม่ ก่อนที่จะมีคนร้องเรียนว่ามีการสมยอมราคา หรือฮั้วประมูลนั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการสั่งตรวจรับใหม่ แต่เป็นการสั่งให้ตรวจสอบระบบ เพราะเป็นรถสเปคพิเศษ ซึ่งบริษัทผู้ขายก็นำไปทดลอง ว่าปั๊มลมใช้ได้หรือไม่ ระบบใช้ได้หรือไม่

จึงเป็นที่มา ของการนำหลักฐานว่าเป็นตัวแทนจากสหรัฐ ซึ่งไม่มีอยู่จริง เพราะเป็นการนำอุปกรณ์จากต่างประเทศมาประกอบเป็นคันเดียวกัน ซึ่งมีการแจ้งผลการตรวจสอบมาในวันที่ 9 มกราคม หลังจากนั้น คณะกรรมการยืนยันว่าผ่าน จึงให้ไปจดทะเบียนที่ขนส่งจังหวัด แต่วันนั้นก็มีหนังสือมาส่งถึงจังหวัดสงขลา

ส่วนกรณีที่มีคนในพรรคออกมากดดัน ให้ออกจากตำแหน่งนั้น นายนิพนธ์ กล่าวว่า สำหรับในพรรค มั่นใจว่า ชี้แจงได้ว่า การทำหน้าที่ถือว่าคุ้มครองประโยชน์ของรัฐ ในฐานะนายกอบจ. ไม่ใช่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้พรรคเสียหาย และหลักฐานที่ได้มาก็ยืนยันว่า บริษัทที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจาก ต่างประเทศทั้งออสเตรเลีย อเมริกา ไม่มีอยู่จริง

นิพนธ์

ก่อนหน้านี้  นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.  ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีถูกกล่าวหา ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงิน ค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ แล้ว จึงมีมติว่า การกระทำของนายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา มีมูลความผิด

  • ฐานเป็นความผิดทางอาญา
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
  • มีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79

ทั้งนี้ ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo