Politics

ปปช.แจงละเอียด ชี้มูลความผิด ‘นิพนธ์’ ไม่จ่าย 50 ล้าน ค่ารถซ่อมบำรุง สมัยคุม ‘อบจ.สงขลา’

ป.ป.ช. เปิดรายละเอียด “นิพนธ์ บุญญามณี” โดนชี้มูลความผิด ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงิน 50 ล้านบาท ค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ส่งเรื่องอัยการ ยื่นฟ้องศาลต่อไป 

วันนี้ (7 ต.ค.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงถึงเรื่องข้อกล่าวหา นา ยนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงิน ค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ว่า เรื่องนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน

nipoo

จากการไต่สวนข้อเท็จจริง พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า เมื่อ วันที่ 10 เมษายน 2556 อบจ.สงขลา ได้มีประกาศ อบจ.สงขลา เรื่องจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ชนิด 10 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล มีกำลังไม่น้อยกว่า 200 แรงม้า จำนวน 2 คัน งบประมาณ 51,000,000 บาท

ปรากฏว่า บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยเสนอราคาต่ำสุด เป็นเงิน 50,850,000 บาท อบจ.สงขลาโดยนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลาในขณะนั้น จึงได้ทำสัญญาซื้อขาย รถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าว จากบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด

ต่อมาเมื่อ วันที่ 28 สิงหาคม 2556 นายนิพนธ์ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา และใน วันที่ 8 ตุลาคม 2556 บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้แจ้งส่งมอบรถทั้งสองคัน

คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถทั้งสองแล้ว เห็นว่ามีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน จึงได้รายงานผลการตรวจรับ ให้ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนนายก อบจ.สงขลา และได้ลงนามรับทราบผลการตรวจรับดังกล่าวแล้ว

ดังนั้น การตรวจรับรถทั้ง 2 คัน จึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องครบถ้วน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 (4) และถือว่าบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้ส่งมอบรถทั้ง 2 คันครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ได้มีการตรวจรับรถ 2 คันไว้แล้ว

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่พัสดุได้แจ้งผลการตรวจรับรถทั้ง 2 คัน ต่อนายนิพนธ์ ให้ทราบ และลงนามในหนังสือถึงสำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา เพื่อมอบอำนาจให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จดทะเบียนรถทั้ง 2 คัน ให้กับอบจ.สงขลา

แต่นายนิพนธ์กลับละเว้น ไม่ลงนามในหนังสือดังกล่าว ทั้งยังได้เขียนสั่งการในด้านหลังของรายงานผลการตรวจรับรถทั้ง 2 คันว่า เห็นควรให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้มีการทดลองระบบต่างๆ ของรถดังกล่าวอีก ทั้งที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ ไม่ได้รายงานว่า รถทั้ง 2 คันไม่เป็นตามรูปแบบ รายละเอียด และข้อกำหนดในสัญญา หรือมีเหตุอื่นใด ที่จะเป็นเหตุให้ต้องสั่งการดังกล่าว

ต่อมาบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้แจ้งให้ อบจ.สงขลา ส่งมอบเอกสาร เพื่อไปดำเนินการจดทะเบียนรถ กับดำเนินการทดสอบระบบต่างๆ ตามที่สั่งการไว้แล้ว จึงจะดำเนินการจดทะเบียนรถต่อไป

ใน วันที่ 7 มกราคม 2557 บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้นำรถทั้งสองคันไปทดสอบตามที่นายนิพนธ์ สั่งการ ผลการทดสอบปรากฏว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งมากับรถ มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขาย และสามารถใช้งานซ่อมถนนได้

หลังจากนั้น วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 นายนิพนธ์จึงได้มอบอำนาจให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ไปดำเนินการจดทะเบียนรถทั้ง 2 คันให้แก่ อบจ.สงขลา

ภายหลังจากที่ อบจ.สงขลาได้รับรถทั้ง 2 คันไปใช้งานแล้ว วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 เจ้าหน้าที่ได้เสนอเรื่องให้นายนิพนธ์ เบิกจ่ายเงินค่ารถทั้ง 2 คันให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด แต่นายนิพนธ์กลับละเว้นไม่จ่ายเงินตามสัญญา บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จึงได้ร้องเรียนในเรื่องนี้ กับสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 15 (สตง.) และ จังหวัดสงขลา

ทั้งสองหน่วยงานได้ แจ้ง อบจ.สงขลาว่า เมื่อกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถทั้ง 2 คันไว้แล้ว อีกทั้งยังได้มีการนำรถทั้ง 2 คันไปใช้ในราชการอย่างต่อเนื่อง และมีการจดทะเบียนเป็นกรรมสิทธิ์ของ อบจ.สงขลาแล้ว

ดังนั้น การที่ อบจ.สงขลายังไม่ดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ขาย จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 (4) และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 64

ส่งหลักฐานให้อัยการ ดำเนินการฟ้องคดี 

และเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินล่าช้าดังกล่าวไม่มีเหตุผลอันควรยกขึ้นอ้าง กับผู้ขายได้ตามกฎหมาย และอาจถูกผู้ขายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จึงขอให้อบจ.สงขลา พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัดต่อไป

แต่นายนิพนธ์ก็ยังไม่เบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยอ้างว่าการเสนอราคากระทำโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีพฤติกรรมสมยอมกัน ในการเข้าเสนอราคาต่อ อบจ.สงขลา และทำให้ไม่เป็นการแข่งขันอย่างเป็นธรรม

บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จึงได้ยื่นฟ้อง อบจ.สงขลา ต่อศาลปกครอง โดยคดีดังกล่าวศาลปกครองสงขลา มีคำพิพากษาให้ อบจ.สงขลา ผู้ถูกฟ้องคดี ชำระเงินค่ารถทั้ง 2 คันพร้อมด้วย ดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็นเงินจำนวน 52,062,041 บาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด

“ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะไปชะลอการตรวจรับรถ การจดทะเบียน รวมทั้งการเบิกจ่ายให้ และพอผู้ร้องมาร้อง และนายนิพนธ์ทราบเหตุที่ผู้ร้องมาร้องแล้ว โดยหลักถ้ามีพฤติการณ์ฮั้วจะต้องรีบดำเนินการ เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดความเสียหาย”

119644353 1496669337208289 7486370041353136780 n

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว จึงมีมติว่า การกระทำของนายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา มีมูลความผิด

  • ฐานเป็นความผิดทางอาญา
  • ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
  • มีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79

ทั้งนี้ ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป”

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีบุคคลที่เคยร้องเรียนไปยัง อบจ.สงขลา มาร้องที่ ป.ป.ช. เรื่องมีการฮั้วเกิดขึ้นในกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 โดยเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ร้อง อบจ.สงขลาเมื่อปี 2556

การร้องเรียนเรื่องฮั้วนั้น ความจริงเมื่อมีการกระทำการเกิดขึ้น จะต้องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทันที เช่น พนักงานสอบสวน ป.ป.ช. ป.ป.ท. หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้เข้าไปดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำผิด แต่ปรากฏว่าเพิ่งจะมาแจ้งความ หรือร้องให้ดำเนินคดี

ส่วนเรื่องที่ว่า การที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ จะส่งผลกระทบต่อตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือไม่นั้น นายนิวัติไชยกล่าวว่า นายนิพนธ์กระทำผิด ในขณะดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ดังนั้น ด้วยตำแหน่งดังกล่าว ป.ป.ช.จึงส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้สั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ

PIC ไทม์ไลน์นิพนธ์ 51

หากศาลประทับฟ้อง แล้วสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นจะเกิดขึ้นว่า ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่มีการกระทำผิด หรือในตำแหน่งอื่นด้วย เนื่องจากขณะนี้นายนิพนธ์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะต้องหยุดด้วยหรือไม่

ตรงนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ที่ตนยังตอบไม่ได้ว่า หากศาลประทับฟ้องเป็นไปโดยตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นไปโดยคำสั่งศาล เพราะศาลอาจจะเพียงแต่แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่า มีข้อกฎหมายกำหนดไว้ จึงต้องวินิจฉัยว่า จะกินความไปถึงตำแหน่งขณะกระทำความผิด หรือตำแหน่งอื่นด้วย

เมื่อถามว่า โดยมารยาทในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรี นายนิพนธ์ควรจะทำอย่างไร นายนิวัติไชยกล่าวว่า กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่เป็นเรื่องของความเหมาะสมที่ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องพิจารณาเอง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว

สำหรับกรณีที่นายนิพนธ์ ยื่นพยานหลักฐานจากต่างประเทศ ที่เกี่ยวกับการฮั้วประมูลเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. จะมีการนำพิจารณาหรือไม่นั้น นายนิวัติไชยกล่าวว่า หากมีการยื่นเข้ามา ทาง ป.ป.ช.จะพิจารณาให้ เพื่อดูข้อเท็จจริงในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมีความชัดเจนอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.

แต่อยากให้เข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องแยกกันคือ ประเด็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นเรื่องหนึ่ง ประเด็นเรื่องการฮั้วประมูลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo