“ไมเคิล โฮตัน” นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ และนักวิจัยจากสหรัฐ อีก 2 คนคือ “ฮาร์วีย์ อัลเทอร์” และ “ชาร์ลส์ ไรซ์” ซึ่งค้นพบ “ไวรัสตับอักเสบซี” (Hepatitis C) คว้ารางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ ประจำปีนี้ไปครอง
บีบีซี รายงานว่า ไวรัสตับอักเสบซี เป็นสาเหตุทั่วไปของมะเร็งตับ และเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเข้ารับการปลูกถ่ายตับ โดยคณะกรรมการรางวัลโนเบล ระบุว่า การค้นพบดังกล่าว “ช่วยชีวิตผู้คนไว้ได้หลายล้านคน”
คณะกรรมการรางวัลโนเบล บอกด้วยว่า ในช่วงทศวรรษ 60 มีความกังวลอย่างยิ่งว่า คนที่รับเลือดที่ได้รับบริจาคมาจะป่วยเป็นตับอักเสบเรื้อรังจากโรคปริศนา ซึ่งการให้เลือดในช่วงเวลานั้นเป็นเหมือนกับเกม “รัสเซียน รูเล็ตต์” (Russian roulette) ที่เป็นการเดิมพันชีวิต
การตรวจเลือดที่มีความแม่นยำสูง ทำให้กรณีเหล่านั้นหมดไปในหลายพื้นที่ของโลก นอกจากนี้ยังมีการพัฒนายาต้านไวรัสที่ได้ผลด้วย
“เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ ทำให้มีความหวังเพิ่มขึ้นว่า ไวรัสตับอักเสบซีจะถูกกำจัดให้หมดไปจากโลก”
ทั้งนี้ ในช่วงทศวรรษ 60 นั้น มีการค้นพบไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A) และไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) แล้ว แต่ ฮาร์วีย์ อัลเทอร์ ซึ่งกำลังศึกษาคนไข้ ที่รับเลือดในสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ เมื่อปี 2515 ระบุว่า มีการติดเชื้อปริศนาเกิดขึ้น โดยคนไข้หลายคนยังคงมีอาการป่วย หลังจากรับเลือดที่มีผู้บริจาคมา
เขาแสดงให้เห็นว่า การนำเลือดจากคนไข้ที่ติดเชื้อไปให้แก่ลิงชิมแปนซี ทำให้ลิงเหล่านั้นติดโรค โดยการเจ็บป่วยปริศนานี้กลายเป็นที่รู้จักในชื่อว่า “ไวรัสตับอักเสบที่ไม่ใช่ชนิดเอ และไม่ใช่ชนิดบี” และเริ่มมีการตามล่าหาเชื้อไวรัสดังกล่าวขึ้น
ไมเคิล โฮตัน ซึ่งทำงานอยู่ที่บริษัทยาไครอน ในปี 2532 ได้แยกลำดับพันธุกรรมของไวรัสนี้ และพบว่า เชื้อนี้อยู่ในตระกูลเฟลวิไวรัส (flavivirus) และได้รับการตั้งชื่อว่า ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C)
ส่วน ไมเคิล ไรซ์ ซึ่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในเมืองเซนต์หลุยส์ ได้เก็บรายละเอียดขั้นสุดท้ายในปี 2540 โดยเขาได้ฉีดไวรัสตับอักเสบซี ที่ผ่านกระบวนการทางพันธุวิศวกรรมเข้าสู่ตับของชิมแปนซี และเผยให้เห็นว่า การทำเช่นนี้ทำให้เกิดตับอักเสบขึ้นได้
ภาพ : ทวิตเตอร์ @NobelPrize
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘คุมเบาหวาน’ ลดอาหารแป้งสูง ช่วยลดความเสี่ยง ‘โรคหัวใจ – หลอดเลือด
- ‘โรคหลอดเลือดสมอง’ พบแพทย์ไว ลดตาย ห่างไกลความพิการ
- งานวิจัยชี้ ‘โควิด-19’ อาจส่งผลให้ ‘เลือดแข็งตัว-โรคหลอดเลือดสมอง’
