Economics

เปิดประวัติ ‘อาคม เติมพิทยาไพสิฐ’ ผู้ติดโผว่าที่ รมว.คลัง คนใหม่

เปิด ประวัติ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” หลังชื่อนี้ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้งในวันนี้ (2 ต.ค. 63)

เนื่องจากเกิดกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำรายชื่อรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง คนใหม่ทูลเกล้าฯ แล้ว คือ นายอาคม

ประวัติ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

ประวัติ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ”

สำหรับ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ซึ่งมีรายชื่อติดโผขุนคลังคนใหม่ภายใต้ “รัฐบาลประยุทธ์ 2/3″ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2499 เป็นชาวจังหวัดศรีสะเกษ สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุดในระดับปริญญาโท

  • ชั้นประถมศึกษา โรงเรียนรวมสินวิทยา
  • มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย
  • มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร
  • ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • ปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตร์ จากวิทยาลัยวิลเลียม ประเทศสหรัฐอเมริกา

ชีวิตส่วนตัว สมรสกับกับนางมุกดา เติมพิทยาไพสิฐ โดยคู่สมรสเสียชีวิตแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 ปัจจุบันมีสถานะโสด

ประวัติ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ

ชีวิตการทำงาน

นายอาคมเข้ารับราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นลำดับ จนกระทั่งปี 2553 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในปี 2557 ซึ่งขณะนั้นมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ดำรงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และต่อมาขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในปี 2558

โดยนายอาคมทำงานอยู่ในกระทรวงคมนาคมเป็นระยะเวลาถึง 5 ปี ก่อนจะพ้นตำแหน่งไปพร้อมกับรัฐบาล คสช.

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ (ซ้าย) วรวุฒิ มาลา (กลาง) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ขวา)

ทั้งนี้ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้รับการยอมรับว่าเป็นรัฐมนตรี “น้ำดี” ไม่มีปัญหาการร้องเรียนเรื่องทุจริต ขยันลงพื้นที่ทั้งเสาร์และอาทิตย์ โดยส่วนหนึ่งเนื่องจากไม่มีภาระทางครอบครัว จึงสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันก็มีผลงานการแก้ปัญหาธงแดงด้านการบินและการผลักดันเมกะโปรเจ็คหลายโครงการ เช่น รถไฟทางคู่, รถไฟฟ้าในเมืองหลายสาย, รถไฟไทย-จีน, การพัฒนาความปลอดภัยทางถนน, การก่อตั้งกรมการขนส่งทางราง, การผลักดันนโยบายการเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน, จัดทำแผนแม่บทต่างๆ และแผนปฏิบัติการกระทรวงคมนาคมระยะเร่งด่วน รวมถึงสามารถเป็นตัวแทนประเทศไทยในเวทีนานาชาติ

ในยุค คสช. นายอาคมจึงสามารถครองตำแหน่งเจ้ากระทรวงหูกวางไว้ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะมีการปล่อยข่าวมาเขย่าเก้าอี้อยู่เนืองๆ และมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคมไปหลายคนแล้วก็ตาม

อาคม ไพรินทร์ คมนาคม

ย้อนคำ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ทิ้งทวนเก้าอี้คมนาคม

ในเดือนกรกฎาคม 2562 อาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้กล่าวทิ้งท้ายตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในงานเลี้ยงอำลาว่า ตอนแรกที่รู้ว่าได้มาอยู่ที่กระทรวงคมนาคมก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เพราะท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาช่วย แต่ไม่รู้ว่าจะให้ไปที่ไหน ซึ่งปัญหาหลักของกระทรวงนี้ก็คือคอขวด มีโครงการล่าช้าและค้างท่ออยู่มาก

แต่เวลานี้ งานหลายโครงการในทุกโหมดการเดินทางถูกขับเคลื่อนไปทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะทางรางได้เกิดขึ้นแล้ว แม้จะยังไม่สมบูรณ์ 100% แต่ก็ถือว่าได้เริ่มต้นเป็นก้าวสำคัญของประเทศและกระทรวงคมนาคม

อยากฝากว่า ข้าราชการอย่าให้ใครมาดูถูกว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพอย่างไรก็ตาม “ต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนทำงานหนัก ไม่รู้ว่าวันนี้จะให้อภัยหรือยัง” ถือเป็นความโชคดีที่ได้มาทำงานที่นี่

ขอฝากว่าอย่าแค่คิดถึงกันอย่างเดียว ต้องมาคู่กับความทรงจำที่คนๆ นั้นทำงานอะไรไปบ้าง ถ้ามีโอกาสก็หวังว่าจะได้พูดคุยและช่วยเหลือกระทรวงคมนาคม ขอให้รับ 2 รัฐมนตรี นายอาคมและนายไพรินทร์ไว้เป็นศิษย์เก่าคมนาคมด้วย

นอกจากนี้ “อาคม” ได้ให้สัญญาใจกับ “พล.อ.ประยุทธ์” ว่า ถ้าหากมีงานอะไร ก็พร้อมจะกลับมาช่วยงานอีกครั้ง

เมื่อ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ หมดวาระรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในปี 2562 ก็ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า มีทรัพย์สินทั้งหมด 28,673,964 บาท หนี้สิน 1,124,336 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 27,549,628 บาท

โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินในส่วนโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างของคู่สมรสกว่า 12 ล้านบาท, เงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท โดยไม่มีการแจ้งรายการทรัพย์สินอื่น

อาคม674

“รมว.คลัง” คนใหม่เตรียมเจอศึกหนัก

สำหรับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่คงต้องเตรียมใจรับ “ศึกหนัก” ทางเศรษฐกิจ เพราะโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ย่ำแย่ กำลังถูกซ้ำเติมจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยหลายสำนักคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของไทยในปีนี้ติดลบหนัก 7-8% และยังไม่เห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนในปีถัดๆ ไป

นอกจากนี้ ต้องเตรียมใจมาเจอกับ “แรงกระแทกทางการเมือง” หลังหลายฝ่ายมองว่า ประเด็นนี้คือเหตุผลที่แท้จริงซึ่งทำให้ “ปรีดี ดาวฉาย” ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งขุนคลัง หลังจากครองตำแหน่งได้ไม่ถึงเดือน ขณะเดียวกันก็มีคนสบประมาทว่า ตำแหน่งนี้แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ไม่มีบารมีเพียงพอจะคุ้มครอง “มืออาชีพ”

เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามา จะมีแค่ความรู้ความสามารถคงไม่พอ แต่ต้องมีภูมิคุ้มกันทางการเมืองเยอะๆ กระดูกแข็งๆ ถึงจะอยู่รอด …

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo