จากจุดเริ่มต้นการเติบโตของโซเชียลมีเดีย “เฟซบุ๊ก” ในประเทศไทย ช่วง 8-10 ปีก่อนถึงปัจจุบัน ได้สร้างการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้งานและผู้บริโภคไทยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีความแตกต่างในแต่ละช่วงเวลา พฤติกรรมผู้ใช้สื่อโซเชียลไทย ช่วง 3 ปีนี้ กลายเป็น New Normal ของผู้บริโภคเมื่อ 5 ปีก่อน เป็นสิ่งที่ “แบรนด์” ต้องเรียนรู้พฤติกรรมอยู่ตลอดเวลา “จากสิ่งใหม่วันก่อน เป็นสิ่งใหม่ที่ปกติในวันนี้ สำหรับผู้ใช้โซเชียล มีเดียไทย”
ปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่วงการโฆษณาและสื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากการมีเทคโนโลยีรูปแบบใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อเข้าถึงอินไซต์ผู้บริโภคไทย
มีเดียคอม (ประเทศไทย) มีเดียเอเยนซี ในเครือกรุ๊ปเอ็ม จัดสัมมนาเทรนด์สื่อดิจิทัลและการสื่อสารการตลาด “MediaCom Blink_live Thailand” (บลิงค์ ไลฟ์) นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยี การสร้างแบรนด์ การวางกลยุทธ์ใช้สื่อปัจจุบันและอนาคต
พร้อมนำเสนอผลวิจัยจาก “มีเดียคอม” หัวข้อ “The New Normal” จากอิทธิพลของการใช้สื่อโซเชียลที่มีผลต่อทัศนคติและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคปัจจุบัน โดยสำรวจร่วมกับ คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สำรวจคนไทยช่วงวัยทำงาน ที่มีมุมมองเรื่อง “ความสำเร็จและเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างไปจากอดีต”
โซเชียลมีเดียเปลี่ยนพฤติกรรมเสพสื่อ
วรวิล สนเจริญ ผู้อำนวยการแผนกวางแผนกวางแผนกลยุทธ์ มีเดียคอม (ประเทศไทย) กล่าวว่าการเติบโตของผู้ใช้โซเชียลมีเดีย “เฟซบุ๊ก” วันนี้มีกว่า 51 ล้านคน โดยเฉลี่ยใช้เวลากว่า 3.10 ชั่วโมงต่อวัน ประเทศไทยครองตำแหน่งผู้ใช้เฟซบุ๊กสูงสุดอันดับ 8 ของโลก, อินสตาแกรม 13.6 ล้านราย เติบโต 24% จากปีก่อน ทวิตเตอร์ 12 ล้านราย เติบโต 33%
ผู้ใช้สื่อโซเชียลที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลโลกออนไลน์ รวมทั้งรูปแบบการสื่อสารคอนเทนท์ในยุคนี้ที่ได้ผลลัพธ์ต่างไปจากเดิม ในยุคนี้การสร้างการรับรู้ (Awareness) ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ต้องทำ แต่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้าง Engagement ไปพร้อมกัน
สิ่งที่ผู้บริโภคเรียนรู้จากโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดียในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สื่อต่างไปจากยุค 5 ปีก่อน วันนี้ผู้บริโภคเสพคอนเทนท์ผ่าน “ยูทูบ” ใช้ “ไลน์” เป็นช่องทางชายสินค้า คนไทยเรียนรู้การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ช่วยสร้างโอกาส ด้วยความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ทำให้วันนี้ “คำนิยามความสำเร็จ” ของผู้บริโภคยุคนี้แตกต่างไปจากมุมมองในอดีต
เมื่อนิยามความสำเร็จวันนี้ต่างจากอดีต
พบว่าทัศนคติและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคปัจจุบันแตกต่างไปจากอดีต จากอิทธิของสื่อโซเชียลที่เข้ามามีผลต่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารตลอดช่วงที่ผ่านมา
มุมมองในอดีต “ความสำเร็จ” เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่วันนี้ “ความสำเร็จ” เป็นสิ่งที่เกิดได้เร็วกว่ายุคอดีต เพราะโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ภาพความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ที่เผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้ที่พบเห็นและเพื่อนฝูงเห็นว่า เป็นสิ่งที่พวกเขาก็ทำได้เช่นกัน
อีกทั้งมองว่าความสำเร็จที่สร้างได้เร็วในคนรุ่นใหม่ เป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัวเองและครอบครัว ขณะที่คนทำงานรุ่นกลาง ก็ต้องการเห็นความสำเร็จที่เร็วขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่กำลังไล่หลังตามมา
มุมการทำงานในอดีต เห็นว่าการทำงานหนักเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของอาชีพ แต่ในยุคนี้มองว่าการทำงานอาชีพเดียว อาจไม่เพียงพอ การวางแผนเพื่ออนาคตของคนทำงานวันนี้ จึงต้องมีมากกว่า 1 จ็อบ เพื่อสร้างแหล่งรายได้หลากหลาย
สะท้อนมาจากการเข้าถึงสื่อโซเชียล มีการแนะนำอาชีพการทำงาน “ชี้ช่องรวย” วิธีการเก็บออม รวมทั้ง การนำเสนอคอนเทนท์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จของคนรุ่นใหม่ จากความคิดสร้างสรรค์ที่สร้างโอกาสและฐานะอย่างรวดเร็ว
ในอดีต “ต้นแบบ” (Role Model) คือคนที่ร่ำรวยจากการทำธุรกิจ จนกลายเป็น “เจ้าสัว” ระดับประเทศ แต่วันนี้ ต้นแบบของคนที่ประสบความสำเร็จ คือ คนธรรมดาทั่วไป ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำธุรกิจและสร้างรายได้ โดยไม่จำเป็นต้องร่ำรวยติดอันดับเศรษฐีของประเทศไทย
จากการสำรวจของ “มีเดียคอม” พบว่าคนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ มีรายชื่อติดโผ ทั้ง ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ผู้ก่อตั้ง “เถ้าแก่น้อย” ที่สร้างธุรกิจสแน็คสาหร่าตั้งแต่อายุยังน้อย , เจ๊น้ำ ณัฐนัน ต้นศึกษา แม่ค้าสายฮา ที่ขายสินค้าผ่านเฟซบุ๊ก ด้วยสไตล์ที่แตกต่าง แบบไม่ง้อลูกค้า แต่ความฮามาเต็ม!! หรือ “พี่ซาน” ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช เจ้าของ Sunbeary Channel Youtuber ผู้สร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ผู้ที่กล้าตัดสินใจหันหลังให้งานสายบัญชีที่ร่ำเรียนมา มุ่งมั่นสู่เส้นทางนักสร้างคอนเทนท์ยูทูบ เป็นหนึ่งในคนธรรมดาที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างรายได้ให้ตัวเอง และทำให้เห็นว่าโอกาสอยู่ในมือทุกคนที่เห็นโอกาส
“จะเห็นได้ว่า Role Model ผู้ที่ประสบความสำเร็จของคนไทยยุคนี้ ไม่จำเป็นต้องร่ำรวยแต่ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างโอกาสหารายได้”
มุมมองของผู้บริโภควันนี้ ปัจจัยที่ช่วยสร้างความสำเร็จมาจาก การเป็นตัวจริง การมีความคิดสร้างสรรค์ มีแพซชั่นในการทำงาน และเป็นคนที่กล้าเปลี่ยนแปลง
“เวลา-อิสระ-ประสบการณ์” ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ
ในอดีตดัชนีชี้วัดความสำเร็จ ดูที่ทรัพย์สิน บ้าน รถยนต์ ความสุขของครอบครัว แต่วันนี้ความสำเร็จ อยู่ที่การมีเวลา มีอิสระในการทำงาน เพื่อให้มีไอเดียในการสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่และสร้างรายได้ใหม่ รวมทั้งการมีประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดี
รูปแบบการฉลองความสำเร็จในอดีต เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวและเพื่อนสนิท แต่พฤติกรรมของผู้บริโภควันนี้ นิยมฉลองความสำเร็จผ่านโซเชียล มีเดีย
ปัจจุบันพบว่าคนโพสต์อัพเดทสเตตัสผ่านเฟซบุ๊กลดลง เพราะไม่ต้องการให้คอนเทนท์รบกวนเพื่อนในสังคมออนไลน์ โดยมีการใช้โซเชียลมีเดียด้วยวัตถุประสงค์แตกต่างกัน คือ ใช้เฟซบุ๊ก แชร์เรื่องราวที่ดี , อินสตาแกรม บอกเล่าเรื่องราวไลฟ์สไตล์
พฤติกรรม New Normal ที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภควันนี้
1.พวกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อ “อินฟลูเอ็นเซอร์” เพราะผู้บริโภคยุคนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่ อินฟลูเอ็นเซอร์ สามารถดึงความสนใจให้ผู้บริโภคหยุดดูคอนเทนท์ จากอินฟลูเอ็นเซอร์ได้ แต่ไม่สามารถทำให้เชื่อได้
2.ผู้บริโภคยุคนี้ต้องการตรวจสอบข้อมูลสินค้าจากผู้บริโภคตัวจริง โดยมีการหาข้อมูลผ่านแฮชแทกทวิตเตอร์ เพื่อค้นหาข้อมูลรีวิวการใช้งานจริงของผู้บริโภค
3.ผู้บริโภคตัวจริงยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลการใช้สินค้า ด้วยการเขียนรีวิวผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เพื่อให้ข้อมูลกับบุคคลอื่น ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ
4.ผู้บริโภคชื่นชอบรูปแบบการขายสินค้าผ่านสื่อโซเชียล อย่าง “เฟซบุ๊กไลฟ์” ที่มีความสนุกสนาน แตกต่าง และมีการแข่งขันประมูลสินค้า การเสพคอนเทนท์รูปแบบนี้ผู้บริโภคบอกว่าทำให้เกิดการซื้อสินค้าแบบไม่ยั้งคิดหรือตั้งใจจะซื้อ (Impulse purchase)
5.ในยุคอีคอมเมิร์ซเติบโต “ความน่าเชื่อถือ” ยังเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภค จะเห็นได้ว่านักช้อปออนไลน์จำนวนมาก ต้องการจ่ายเงินช้อปออนไลน์เมื่อรับสินค้า
6.โฆษณาดั้งเดิมได้รับความสนใจลดลง แต่พบว่าที่จริงแล้วผู้บริโภคไม่ได้ต้องการกดข้ามโฆษณาไปซะทุกครั้ง แต่ผู้บริโภคยังต้องการดูโฆษณาที่เล่าเรื่องด้วยคอนเทนท์ที่น่านสนใจ เช่น โฆษณาของไทยประกันชีวิต , K Plus , เงินติดล้อ เรื่องราวต้องดึงความสนใจตั้งแต่ 5 วินาทีแรกเพื่อดึงความสนใจไปจนจบ
7.การเลือกเสพคอนเทนท์ของผู้บริโภคยุคนี้ พวกเขาต้องได้ประโยชน์ที่จะหยุดดู เช่น เนื้อหาประเภท How to
8.การพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ทำให้ผู้บริโภคจะไม่กลับไปเสพสื่อในรูปแบบเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะสื่อวิทยุและทีวี ปัจจุบันคนฟังวิทยุออนไลน์ ดูคอนเทนท์ทีวีผ่าน ยูทูบและไลน์ทีวี ผู้ชมจะกลับไปดูทีวีตามโปรแกรม ก็ต่อเมื่อคอนเทนท์นั้น เป็นกระแสในโลกโซเชียล เช่น บุพเพสันนิวาส เมีย2018 รวมทั้งรายการที่ต้องรับชมสด เช่นรายการกีฬา มวย
ดังนั้นสิ่งที่แบรนด์สามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคในยุคนี้ได้ เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับแบรนด์ มี 4 คอนเทนท์ คือ ความงาม ,สุขภาพ ,ประสบการณ์การใช้ชีวิต และเรื่องความมั่นคง
โอกาสของแบรนด์ที่จะสื่อสารกับผู้บริโภค คือ การเปลี่ยนจากโฆษณารูปแบบเดิม สู่การเป็นผู้ให้คำแนะนำการไปสู่ความสำเร็จ, การสื่อสารที่เรียบง่ายและสร้างแรงบันดาลใจ, การสร้างโอกาสให้กับผู้บริโภคให้เกิดขึ้นในทุกเวลา และการผสมผสานคอนเทนท์ในแต่ละประเภทที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค
“สิ่งเหล่านี้ส่งผลถึงการทำการสื่อสารการตลาดปัจจุบัน ที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือของข้อมูล จากหลายช่องทาง รวมถึงการทำคอนเทนท์ที่มีประโยชน์และตอบโจทย์เรื่องเป้าหมายของชีวิต นับเป็นโอกาสของแบรนด์ที่จะเข้าถึงและสร้างคอนเนคชั่นกับผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งและมีความหมายมากขึ้น”