Business

 ‘ไมเนอร์’ ทบทวนแผน 5 ปี เตรียมเสนอบอร์ดเดือน พ.ย. นี้

‘ไมเนอร์’ ทบทวนแผน 5 ปี ตั้งเป้ายื่นให้บอร์ดพิจารณาเดือน พ.ย. นี้ พร้อมคาดบรรยากาศการเลือกตั้งส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น

S 67543061

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลางและรองประธานฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า ไมเนอร์กำลังทบทวนแผนดำเนินธุรกิจระยะ 5 ปี และจะเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยแผนใหม่จะนำปัจจัยเรื่องการเข้าถือหุ้นในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ในสเปนมาพิจารณาด้วย

ปัจจุบันไมเนอร์เข้าถือหุ้นในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ในสัดส่วน 45% ด้วยวงเงินลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาท แต่บริษัทต้องการเพิ่มสัดส่วนเป็น 51-55% จึงอยู่ระหว่างการทำคำเสนอซื้อหุ้นต่อผู้ถือหุ้นทั่วไป (Tender Offer) และคาดว่าจะทราบผลภายในไตรมาสที่ 4

ถ้าหากบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 51% ก็จะทำให้วงเงินลงทุนเพิ่มเป็น 48,000 ล้านบาท

นายชัยพัฒน์ กล่าวต่อว่า การเข้าถือหุ้นในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป จะทำให้สัดส่วนรายได้ของไมเนอร์เปลี่ยนไป โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2561 บริษัทรายได้จากธุรกิจโรงแรม 55% ธุรกิจอาหาร 38% และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น 7%

แต่ถ้าบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เป็น 51-55% ตามเป้าหมาย ก็จะทำให้รายได้ในปี 2562 มาจากธุรกิจโรงแรม 70% ธุรกิจอาหารเกือบ 30% และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นไม่เกิน 9%

สำหรับแผนดำเนินงานระยะ 5 ปีฉบับปัจจุบัน ระหว่างปี 2561-2565 ไมเนอร์ได้ตั้งงบลงทุน (Capex) ไว้ราว 40,000-50,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 12-15% ต่อปีและมีกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% ซึ่งปัจจุบันก็ยังยึดแผนดำเนินฉบับนี้อยู่ โดยธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้น (Margin) สูงสุด เพราะเป็นหน่วยธุรกิจที่มีการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) จำนวนมาก

ไมเนอร์

เลือกตั้งเพิ่มเชื่อมั่นผู้บริโภค

สำหรับระยะเวลาที่เหลือของปี 2561 เชื่อว่าธุรกิจโรงแรมทั้งในประเทศ และต่างประเทศจะเติบโตได้ดี ด้านธุรกิจร้านอาหารที่ชะลอตัวในช่วงต้นปี คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาสที่ 4 เพราะมีเทศกาลต่างๆ ช่วยกระตุ้นยอดขาย

ประกอบกับไมเนอร์ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค

ขณะเดียวกันไมเนอร์ก็ดึงแบรนด์สินค้าแฟชั่นมาสร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตฟอลิโอมากขึ้น เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ในอนาคตก็อาจสร้างแบรนด์แฟชั่นของตัวเองและนำสินค้าออกไปทำตลาดต่างประเทศด้วย

สำหรับกรณีที่มีการออกกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. นั้น เชื่อว่าจะทำให้เป้าหมายเรื่องการจัดการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 มีความเป็นไปได้มากขึ้น ส่งผลให้ความมั่นใจทางการเมืองเพิ่มขึ้น สังเกตจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าประเด็นนี้จะทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นและมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

เดินหน้า M&A ต่อเนื่อง

ไมเนอร์

ทางด้านนายวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า ปัจจุบันไมเนอร์มีการลงทุนครอบคลุม 64 ประเทศ ใน 5 ทวีป ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ท 549 แห่ง  ร้านอาหาร 2,130 สาขา ร้านค้า และจุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นและเครื่องใช้ในบ้นากว่า 429 แห่ง มีมูลค่าตามราคาตลาดมากกว่า 170,000 ล้านบาทและมีพนักงานมกกว่า 80,000 คนทั่วโลก

การเติบโตหลังจากนี้ บริษัทจะยึดกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ 1) ขับเคลื่อนการเติบโตโดยใช้แบรนด์ที่มีอยู่ 2) ถ้าแบรนด์ใดเติบโตและเป็นที่ยอมรับของตลาดแล้ว ก็จะผลักดันให้มีกำไรและผลตอบแทนมากขึ้น 3) เข้าซื้อและควบรวมกิจการเพื่อให้เติบโตมากกว่าเดิม

นอกจากนี้บริษัทก็ต้องสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดและตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย

“ไมเนอร์ยังเน้น 3 ธุรกิจหลักคือ โรงแรม ร้านอาหาร และแฟชั่น ไม่ได้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ แต่อาจจะมีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น อสังหาริมทรัพย์และการผลิตอาหาร ส่วนเรื่องดีล M&A ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาเจรจามากกว่า 1 ปีจึงสรุปผลและในการเจรจา 100 ดีล จะมีเพียง 1 ดีล หรือ 1% เท่านั้นที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเราก็เปิดรับโอกาสและจะพิจารณาดีลที่ดี ทั้งด้านคุณภาพและการสร้างผลตอบแทน”

Avatar photo