Business

ผ่านแล้ว! ตั้งบริษัทลูก ‘รถไฟพัฒนาสินทรัพย์’ บริหารที่ดินมูลค่า 3 แสนล้าน

ตั้งบริษัทลูก “รถไฟพัฒนาสินทรัพย์” ครม.ไฟเขียว รฟท. บริหารสินทรัพย์ ที่ดิน 38,469 ไร่ มูลค่า 3 แสนล้านบาท พร้อมกู้เงิน 200 ล้านบาทเป็นทุนจดทะเบียน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตั้งบริษัทลูก “รถไฟพัฒนาสินทรัพย์” เพื่อบริหารทรัพย์สิน ของ รฟท. โดยใช้ชื่อว่า บริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท

ตั้งบริษัทลูก 'รถไฟพัฒนาสินทรัพย์'

ทั้งนี้ ได้เห็นชอบให้กู้ยืมเงิน 200 ล้านบาท เพื่อนำมาลงทุนเป็นทุนจดทะเบียน โดย รฟท.รับภาระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน มีกระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกันการกู้เงิน รวมถึงพิจารณาวิธีการรกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียด ตามคความเหมาะสม

สำหรับความจำเป็นในการจัดตั้งบริษัทลูกครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมรายงานว่า เนื่องจาก  รฟท.มีที่ดินที่ไม่ได้ใช้ เพื่อการเดินรถ 38,469 ไร่ มูลค่าประมาณ 300,000 ล้านบาท แต่มีรายได้ผลตอบแทน จากการบริหารสินทรัพย์ประมาณปีละ 2,400 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของมูลค่าสินทรัพย์

ขณะที่ การบริหารสินทรัพย์ ไม่ใช่กิจกรรมหลักที่ รฟท.มีความชำนาญเฉพาะด้าน ทำให้ไม่สามารถนำสินทรัพย์ที่มีอยู่ มาบริหารจัดการ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็น ที่ต้องจัดตั้งองค์กรขึ้นมาใหม่ เพื่อบริหารสินทรัพย์ เป็นกิจกรรมหลัก

สำหรับรายได้ของบริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่

  • รายได้จากค่ารับจ้างบริหารสัญญาเช่าเดิม 15,270 สัญญา โดยสินทรัพย์ทั้งหมด ยังคงเป็นของ รฟท.
  • รายได้จากการให้เช่าช่วง ร่วมทุน หรือพัฒนาที่ดินเดิม ที่หมดอายุสัญญา
  • รายได้จากโครงการร่วมลงทุนกับเอกชน และการพัฒนาพื้นที่ดินเปล่า แปลงอื่น ๆ และในอนาคต อาจมีรายได้จากการขายกระแสเงินสดในอนาคต ให้กับกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ไตรศุลี ไตรสรณกุล e1600051903113
น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล

ส่วนผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้น รฟท.จะนำรายได้จากบริษัท รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด มาลดภารระหนี้สิน โดยประมาณการผลตอบแทนที่ รฟท.จะได้รับในระยะเวลา 30 ปี จะอยู่ที่ 631,628 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะนำมาแก้ไขปัญหาหนี้สินปัจจุบัน โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 รฟท. มีภาระหนี้สินรวม 177,611 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 กันายน 2563 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้อนุมัติการกู้เงิน เพื่อใช้ในการดำเนินงาน วงเงิน 11,500 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประจำปีงบประมาณ 2564 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ

เงินกู้ดังกล่าว รฟท. จะนำไปดำเนินการบรรเทา การขาดสภาพคล่อง ในปีงบประมาณ 2564 วงเงิน 11,500 ล้านบาท โดยให้ ร.ฟ.ท.กู้เงินได้ ภายหลังจากวงเงินดังกล่าว ได้รับการบรรจุไว้ใน แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ส่วนเงินกู้ระยะสั้น เป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี วงเงิน 800 ล้านบาทให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงิน ด้วยวิธีการประมูล ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ รายงานจาก กระทรวงคมนาคมระบุว่า รฟท. ประสบปัญหาขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 จะมีเงินสดรับ 46,370.67 ล้านบาท และเงินสดจ่าย 57,970.67 ล้านบาท มีเงินสดยกมาจากปี 2563 จำนวน 100 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดเงินสดไว้ใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2564 จำนวน 11,500 ล้านบาท

ดังนั้น จึงจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 11,500 ล้านบาท เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียน ในการใช้จ่ายดำเนินงาน การลงทุน การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญ และการชำระหนี้เงินกู้ โดย รฟท.คาดว่าจะเริ่มขาดเงินในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 นอกจากนี้ยังมีความจำเป็นต้องกู้เงินระยะสั้น เพื่อให้มีวงเงินสำรองไว้ใช้เสริมสภาพคล่องโดยทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้น วงเงิน 800 ล้านบาท

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo