Business

‘สามารถ’ วิเคราะห์เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’ ประโยชน์ตกที่ใคร?

“สามารถ” วิเคราะห์เปลี่ยนเกณฑ์คะแนนประมูล “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” ประโยชน์ตกอยู่ที่ใคร? ชี้ใช้ TOR เดิมยุติธรรม-ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด

วันนี้ (28 ก.ย. 63) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ (ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์) ถึงกรณีการปรับเกณฑ์การประมูล รถไฟฟ้าสายสีส้ม ในหัวข้อ “เปลี่ยนเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ใครได้ประโยชน์?” ดังนี้

รถไฟฟ้าสายสีส้ม สามารถ ราชพลสิทธิ์

เกณฑ์ใหม่ “รถไฟฟ้า” ทำประเทศเสียโอกาส

“เป็นข่าวที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้สนใจการประมูลโครงการ รถไฟฟ้า สายสีส้ม มาเป็นระยะเวลาหนึ่งว่า เหตุใดการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จึงเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนให้เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังจากปิดขายซองเอกสารประมูลแล้ว

เดิม รฟม. ใช้หลักเกณฑ์เหมือนการประมูลโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ ที่เคยประมูลมา กล่าวคือ ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด หากมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็จะพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค ซึ่งผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ จึงจะถือว่า ผู้ยื่นข้อเสนอสอบผ่านด้านเทคนิค รฟม. จึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนให้แก่รัฐต่อไป ใครเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐมากที่สุด ก็จะชนะการประมูล

แต่หลังจากปิดขายซองเอกสารประมูลแล้ว รฟม. ได้เปลี่ยนหลักเกณฑ์การคัดเลือก แทนที่จะเลือกให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่เสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐมากที่สุดเป็นผู้ชนะการประมูล กลับเอาผลด้านเทคนิคมารวมกับข้อเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐ โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30 คะแนน และด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐ 70 คะแนน

ใครได้คะแนนรวมมากกว่าก็จะชนะการประมูล ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่เสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐมากที่สุดไม่ชนะการประมูลก็ได้ ส่งผลให้รัฐเสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจำนวนมาก เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน”

รถไฟฟ้าสายสีส้ม สามารถ ราชพลสิทธิ์

วิเคราะห์ได้เปรียบ-เสียเปรียบ

นาย สามารถ กล่าวถึงการประมูล รถไฟฟ้าสายสีส้ม ต่อว่า “การเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคัดเลือกทำให้เกิดข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบดังนี้

1.สำหรับข้อเสนอด้านเทคนิคนั้น มีการกำหนดให้ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องมีประสบการณ์งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่า 5 เมตร โดยผลงานและประสบการณ์ในประเทศไทยจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่ราย ในวงการก่อสร้างรู้ดีว่าคือบริษัทอะไร

อีกทั้ง ผู้บริหารของ รฟม. ยังให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การคัดเลือกว่า เป็นเพราะจะต้องมีการก่อสร้างอุโมงค์ผ่านพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และลอดแม่น้ำเจ้าพระยา

ด้วยเหตุนี้ ยิ่งทำให้น่าคิดว่า ผู้ยื่นข้อเสนอที่เคยก่อสร้างอุโมงค์ผ่านพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และลอดแม่น้ำเจ้าพระยาจะได้รับคะแนนสูงกว่าผู้ยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยก่อสร้างอุโมงค์ในพื้นที่ดังกล่าว แต่เคยก่อสร้างอุโมงค์ในพื้นที่อื่นหรือไม่

2.ข้อเสนอด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐ 70 คะแนน แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้

2.1 ความน่าเชื่อถือและความครบถ้วนถูกต้อง 10 คะแนน

รฟม. จะใช้ข้อมูลของผู้ประกอบการในโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ของ รฟม. มาใช้ประกอบการพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ยื่นข้อเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ประกอบการในโครงการ รถไฟฟ้า อื่น ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการในโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. จะได้รับการพิจารณาว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ และจะได้คะแนนหรือไม่

2.2 ผลตอบแทนให้แก่รัฐ 60 คะแนน

ในการเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐ มีการระบุให้ใช้ตัวเลขจำนวนผู้โดยสารตามที่ รฟม. กำหนดไว้เท่านั้น เพื่อคำนวณหารายได้จากค่าโดยสาร ทำให้ผู้ยื่นข้อเสนอที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารมากกว่าที่ รฟม. กำหนดไว้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้มากขึ้น จะไม่สามารถเสนอผลตอบแทนให้แก่รัฐที่สูงได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติสูญเสียผลประโยชน์ ด้วยเหตุนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอทุกรายจะได้คะแนนในข้อนี้ไม่แตกต่างกันมาก

รถไฟฟ้า BTS

จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคัดเลือกจะทำให้เกิดการได้เปรียบ-เสียเปรียบดังกล่าวแล้วข้างต้น และที่สำคัญ อาจทำให้รัฐไม่ได้รับผลตอบแทนสูงสุด ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้ยื่นข้อเสนอทุกรายและเพื่อให้รัฐได้รับผลตอบแทนสูงสุด รฟม. จะต้องใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือกเดิม

กล่าวคือ รฟม. ต้องถือว่า ผู้ยื่นข้อเสนอที่มีคะแนนผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิคทุกราย มีความสามารถที่จะก่อสร้างงานตามความต้องการของ รฟม. ได้ทุกประเภทและในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินในทุกพื้นที่ ดังนั้น ในการพิจารณาข้อเสนอด้านผลตอบแทนให้แก่รัฐ รฟม. จะต้องไม่นำคะแนนด้านเทคนิคมาพิจารณาอีกแล้ว เพราะเขาได้สอบผ่านมาแล้ว ซึ่งในการประมูลโครงการ รถไฟฟ้า ที่ผ่านมาก็ใช้หลักเกณฑ์นี้

ทั้งหมดนี้ คนในวงการรถไฟฟ้ารู้ดีว่าใครจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการประมูลครั้งนี้ ซึ่งหากเป็นประเทศชาติก็น่ายินดี แต่ถ้าไม่ใช่ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบจะนิ่งเฉย ยอมปล่อยให้การประมูลดำเนินไปอย่างนี้หรือ? ไม่คิดถึงประเทศชาติกันบ้างหรือไร?

ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้น จึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง”

รถไฟฟ้าสายสีส้ม BTS

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้บริหารรถไฟฟ้า BTS และหนึ่งในตัวเต็งของการประมูล รถไฟฟ้า สายสีส้ม ก็ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข หลังจากการเปิดขายเอกสารการประมูล (TOR) แล้ว จึงได้เดินสายร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน รวมถึงยื่นเรื่องขอคุ้มครองจากศาลปกครองกลาง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo