บ้านน็อกดาวน์ 3 แสนบาท ตราเพชร กระตุ้นยอดขาย สินค้าวัสดุก่อสร้าง เปิดจุดแข็งความหลากหลายของสินค้า ใข้สร้างบ้านได้ทั้งหลัง เสริมเทคโนโลยี ดิจิทัล พรินท์ติ้ง
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนต่อยอดกลยุทธ์ “สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง” โดยการพัฒนา บ้านน็อกดาวน์ 3 แสนบาท ด้วยการนำจุดแข็ง สินค้าวัสดุก่อสร้าง ที่หลากหลาย สามารถนำมาก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง
ทั้งนี้ เพื่อขยายตลาดสู่ การสร้างบ้านแบบน็อกดาวน์ (บ้านชั้นเดียว) มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 25 ตารางเมตร ประกอบด้วย ห้องนอน ห้องรับแขกและห้องครัว เหมาะกับผู้ที่ต้องการ บ้านพักสไตล์รีสอร์ต เพื่อการพักผ่อน
นอกจากนี้ ยังเสริมความครบวงจร ด้านวัสดุก่อสร้าง ด้วยการนำ เทคโนโลยี ระบบดิจิทัล พรินท์ติ้ง เข้ามาใช้รองรับ การพิมพ์ลวดลายบนบอร์ด ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ที่ต้องการ เพิ่มความสวยงาม ด้านการตกแต่งผนัง
สำหรับ แบบบ้านน็อกดาวน์นั้น บริษัทจะนำผลงาน ชนะเลิศ จากการประกวด ในโครงการ DIAMOND Design Contest 2020 ที่เปิดโอกาสให้ นิสิตศึกษา และ บุคคลทั่วไป ส่งผลงานออกแบบ บ้านน็อกดาวน์ชั้นเดียว มาพัฒนาเป็นบ้านตัวอย่าง เพื่อดำเนินการก่อสร้าง ให้แก่ลูกค้าต่อไป
ขณะที่ บ้านน็อกดาวน์ ราคา 3 แสนบาท จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 25 ตารางเมตร (5×5 เมตร) ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก/ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว 1 ห้อง รับประทานอาหาร ภายใต้แนวคิด Knockdown Home Creates Your Happiness
“เราต้องการนำจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญ ด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตราเพชร และการบริการติดตั้ง ต่อยอดสู่ ธุรกิจการสร้างบ้าน แบบน็อกดาวน์หลังเล็ก เหมาะกับการปลูกสร้างเป็น บ้านพักตากอากาศ หรือบ้านพักชายทะเล โดยใช้เวลาในการสั่งผลิตประกอบ และติดตั้งไม่นาน ด้วยงบประมาณ การก่อสร้างที่เหมาะสม”นายสาธิต กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทมีรายได้ จากการขายสินค้า และบริการ อยู่ที่ 1,233.51 ล้านบาท ลดลง 7.20% เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากการขาย และการบริการ 1,329.18 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังสามารถทำกำไรสุทธิ จากการดำเนินงานได้ 168.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.56% เมื่อเทียบกับ กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 165.62 ล้านบาท แม้มีปัจจัยลบจาก โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ชะลอตัวอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น มาจากการบริหาร ต้นทุนการผลิต สินค้าต่อหน่วย อยู่ในระดับต่ำ โดยสามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักร ผลิตสินค้าเฉลี่ยมากกว่า 90% ของกำลังการผลิตรวม และบริหาร สัดส่วนการขายสินค้าได้ดี ช่วยสนับสนุนอัตราการทำกำไรขั้นต้น ได้ตามแผนงาน
ประกอบกับ บริษัทมีจุดแข็ง ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ที่หลากหลาย โดยร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย และตลาดส่งออก ที่มีสัดส่วนรวมกัน 70% ของรายได้ทั้งหมด ยังทำยอดขายไตรมาสแรก ที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ
สำหรับปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทเปิดดำเนินการมาครบรอบ 35 ปี แล้ว ได้วางแผนดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามาขับเคลื่อนกระบวนการผลิตให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพภายในโรงงานและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น เพื่อนำบริษัทฯ ก้าวเป็นองค์กรด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้าง
ขณะที่ปีนี้ ตั้งงบลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. การลงทุนติดตั้งระบบโรบอทในโรงงานเพิ่มอีกประมาณ10 ตัว ในไลน์การผลิตสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์และงานพ่นสีวัสดุ จากปี 2562 ที่บริษัทได้มีการติดตั้งไปแล้ว 3-4 ตัวสามารถแทนแรงงานคนได้ 60%
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุนต่อเนื่องในการติดตั้งโรบอท 50 ตัวภายในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2562 – 2566) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสู่ Process Innovation และรับมือปัญหาแรงงานขาดแคลนรวมถึงบริหารต้นทุนการผลิตในระยะยาวได้ดียิ่งขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดโผ 10 แบรนด์ บนโซเชียลมีเดีย ที่ทำผลงานสูงสุด ครึ่งปีแรก 2563
- ‘ไทวัสดุ’ ผลิตอุปกรณ์ป้องกันติดเชื้อ ‘โควิด-19’ มอบให้โรงพยาบาล
- ออเดอร์ต้น ‘คริสต์มาสจริง’ พุ่ง ‘ซีอาร์ซีไทวัสดุ’ เร่งนำเข้าเพิ่ม
