Economics

ยัน ‘คนละครึ่ง’ แจกเงิน 3000 บาท เปิดลงทะเบียน 16 ต.ค. แน่นอน!

คนละครึ่ง แจกเงิน 3000 บาท เปิดลงทะเบียน 16 ต.ค. แน่นอน “กระทรวงการคลัง” เตรียมเสนอ ครม. ไฟเขียวสัปดาห์หน้า พร้อมแถลงเปิดโครงการ ชี้แจงหลักเกณฑ์ – รูปแบบ 29 ก.ย.นี้

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า แม้มาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งประกอบด้วย โครงการคนละครึ่ง และโครงการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่ได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ยืนยันว่า ไม่ส่งผลให้การดำเนินการของโครงการเลื่อนออกไปอีก 1 สัปดาห์ ระยะเวลาในการดำเนินโครงการยังตามกำหนดเดิม โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเป็นผู้เสนอมาตรการดังกล่าวเข้าครม. วันที่ 29 กันยายน 2563 เพื่อให้ทันตามกำหนดการเดิมที่วางไว้

“กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดทำโครงการ เพื่อเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองใช้จ่ายเงินกู้ ที่มีสภาพัฒน์เป็นผู้ดูแล ซึ่งสภาพัฒน์จะเป็นผู้เสนอโครงการเข้าครม. ในสัปดาห์หน้า สาเหตุที่ไม่ได้เสนอครม. วานนี้ เป็นเพราะว่าคณะกรรมการฯ ยังต้องพิจารณารายละเอียดในขั้นตอนการปฏิบัติ” นายลวรณ กล่าว

คนละครึ่ง

ทั้งนี้ ยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติจากครม. สัปดาห์หน้า (29 ก.ย.) โดยกระทรวงการคลัง จะมีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ชี้แจงรายละเอียด ขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการในวันดังกล่าว ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน เป๋าตัง และถุงเงิน ที่กระทรวงการคลังด้วย

สำหรับโครงการคนละครึ่ง แจกเงิน 3,000 บาท ให้ประชาชนทั่วไป 10 ล้านคน โดยจะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนผ่าน WWW.คนละครึ่ง.com ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 หลังจากนั้นวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00-23.00 น. จะเปิดให้ประชาชนอายุ 18 ปี และไม่ถือบัตรผู้มีรายได้น้อย จองสิทธิผ่าน WWW.คนละครึ่ง.com

ซึ่งผู้ได้สิทธิสามารถเริ่มใช้จ่ายในโครงการได้ในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยรัฐบาลกำหนดช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าวันละไม่เกิน 100 บาท หรือ ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งการไปซื้อสินค้าจะต้องจ่ายเงินผ่าน แอปเป๋าตังเท่านั้น โดยนำแอปเป๋าตังไปสแกนกับแอปถุงเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

ส่วนโครงการเพิ่มวงเงินซื้อของกินของใช้ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการ 14 ล้านคน จาก 200-300 บาท เป็นคนละ 700-800 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2563 (รวมเป็น 1,500 บาทต่อคน) โดยทั้ง 2 โครงการ ใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จำนวน 5.1 หมื่นล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่ได้สิทธิ์แล้ว จะต้องเริ่มใช้เงินภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS หากไม่ใช้เงินระบบจะตัดชื่อออก เพื่อให้คนอื่นเข้ามาจองสิทธิ์ใหม่ โดยผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ก็ยังสามารถมาลงทะเบียนใหม่ได้ โดยโครงการนี้ต้องการให้เกิดการใช้จ่ายจริง ๆ ไม่ต้องการให้มีการของกักสิทธิ์ของผู้อื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ

ในส่วนของร้านค้าที่ต้องเข้าร่วมโครงการ จะเป็นร้านหาบเร่ แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ใช่ร้านค้าขนาดใหญ่ที่เป็นนิติบุคคล และ ร้านสะดวกซื้อ ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ส่วนกรณีของแฟรนไชส์ เช่น ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว สามารถเข้าโครงการได้ เพราะถือว่าผู้ที่ขายจริงเป็นบุคคลธรรมดา

โดยนายลวรณ กล่าวว่า อยากประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการทุกราย มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะระบบจะตรวจสอบความผิดปกติได้ เช่น ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเคยขายของได้วันละ 2 หมื่นบาท แต่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เป็น 2 แสนบาท และมีความถี่ของการขายผิดปกติ สศค. ก็จะส่งลงไปตรวจสอบหากพบการกระทำผิด ก็ตัดชื่อออกจากโครงการ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo