ศาลอุทธรณ์แก้ยกฟ้อง ‘อดีตพระพรหมดิลก-ผู้ช่วย’ ไม่ผิดฟอกเงิน 5 ล้าน งบร.ร.พระปริยัติธรรม ชี้ไม่ทราบเงินเกี่ยวกับการทำผิด ใช้เงินบูรณะวัด
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อท.196/2561 คดีฟอกเงินทุจริตจัดสรรงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ของวัดสามพระยา ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเอื้อน กลิ่นสาลี อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา, กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กับนายสมทรง อรรถกฤษณ์ อดีตพระอรรถกิจโสภณ และเลขาเจ้าคณะกรุงเทพ เป็นจำเลยที่ 1-2
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ ร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
กรณีร่วมกันฟอกเงิน จากการทุจริตจัดสรรเงินงบประมาณ พศ. ปี 2557 ให้กับวัดสามพระยา จำนวน 5 ล้านบาท ในงบส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ทั้งที่ไม่มีโรงเรียน โดยเจ้าอาวาสวัดสามพระยา นำงบที่ได้มานั้น ไปใช้ก่อสร้างอาคารร่มธรรมแทน ทั้งที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินนั้นมาตั้งแต่แรก ซึ่งอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2561
ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2562 ว่า กระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดต่างกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฟอกเงิน 2 กระทงๆ ละ 2 ปี ให้จำคุกนายเอื้อน หรืออดีตพระพรหมดิลก รวมจำคุก 6 ปี และนายสมทรง หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ จำเลยที่ 2 จำคุก 2 กระทงๆ ละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี
วันนี้ จำเลยทั้งสองซึ่งได้รับการประกันตัว สวมชุดขาวเดินทางมาศาล พร้อมมีกลุ่มพระสงฆ์ และกลุ่มฆราวาสเดินทางมาร่วมติดตามฟังคำพิพากษา และให้กำลังใจจำเลย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เรื่องการขออนุมัติงบศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น หาใช่เฉพาะวัดที่มีโรงเรียนศึกษาพระปริยัติธรรม แต่วัดสามพระยามีโรงเรียนสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ย่อมมีสิทธิ์ในการใช้งบดังกล่าว
จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลภายนอก ไม่เกี่ยวกับสำนักงาน พศ. ไม่มีหลักฐานว่า จำเลยทราบว่าเงินเกี่ยวกับการกระทำความผิด ในหนังสือระบุได้รับเงินเกี่ยวกับการบูรณะปฏิสังขรณ์ แสดงว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจว่าเป็นงบบูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อได้รับงบ 5 ล้านบาทตามเช็คแล้ว จำเลยได้มอบอำนาจ ให้มีการถอนเงินจ่ายค่าก่อสร้างอาคารร่มธรรม วัดมีการก่อสร้างอาคาร และโอนเงินชำระหนี้จริง
จำเลยจ่ายเงินให้ผู้ดูแลการก่อสร้าง เชื่อได้ว่าจำเลย ในฐานะผู้ดูแลวัดได้นำเงินไปทำนุบำรุงวัด แม้วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม และไม่ได้นำเงินไปใช้โดยตรง ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนทรัพย์สิน ที่เป็นการกระทำความผิดมูลฐานฟอกเงิน
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ พิพากษาแก้เป็นยกฟ้อง
ภายหลังพิพากษาแล้ว นายสมทรง หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ จำเลยที่ 2 ถึงกับยกมือไหว้ และร่ำไห้ด้วยความดีใจ รวมถึงพระสงฆ์ และกลุ่มฆราวาสที่เดินทางมาให้กำลังใจก็ร่วมแสดงความยินดีด้วย
นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลยกฟ้องว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการใช้เงินดังกล่าวเพื่อฟอกเงิน ซึ่งงบดังกล่าวทั้งวัดสามพระยาก็จัดให้มีการศึกษาในแผนกสามัญด้วย วัดสามพระยาจึงมีสิทธิรับงบประมาณนี้
ดังนั้น การใช้เงินใช้จ่ายในวัดสามพระยาไม่ได้เป็นการฟอกเงินจึงยกฟ้องจำเลยทั้งสอง ส่วนคดีจะขึ้นสู่ศาลฎีกาหรือไม่นั้นจะต้องรอให้อัยการโจทก์เป็นผู้พิจารณาตามข้อกฎหมาย วันนี้จำเลยทั้งสองก็ดีใจที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็นตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าเงินส่วนนี้ให้ใช้ในการก่อสร้างอาคารซึ่งเป็นที่พักของพระสงฆ์
ส่วนเรื่องสมณเพศความจริงแล้วท่านทั้งสองก็ไม่ได้เปล่งวาจาสึกและยังรักษาดำรงพฤติการณ์เสมือนตอนเป็นพระอยู่ เเต่ในทางกฎหมายอาจจะยังมีข้อโต้เเย้ง ตรงนี้เราต้องทำความเข้าใจกัน ซึ่งจริงๆแล้วท่านตั้งใจว่าหากศาลยกฟ้องจะเรียกร้องสิทธิในการเเสดงออกด้วยการห่มเหลือง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โดนอีก! ป.ป.ช.ชี้มูล ‘พนม -อดีตเจ้าอาวาส’ คดีทุจริต เงินทอนวัด 27.5 ล้าน
- คดีเงินทอนวัด! จำคุกอดีต ผอ.พศ.กับพวก 20 ปี ชดใช้เงิน 12 ล้าน
- ย้อนรอย!! เขย่าวงการสงฆ์รวบพระดังเข้าคุก