COVID-19

ยูเอ็น ชี้ ‘โควิด-19’ เปิด ‘ความไม่เท่าเทียม’ ทั่วโลก ‘คนจน’ เจ็บสุด

สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชี้ การระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เผยให้เห็นถึงความเป็นจริงของความไม่เท่าเทียมที่เกิดขึ้นทั้งในระดับระหว่างประเทศและภายในประเทศอย่างชัดเจน โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดก็คือกลุ่มคนที่ยากไร้ที่สุด

“ประเทศที่ร่ำรวยสามารถจัดสรรเงิน 11 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 345.13 ล้านล้านบาท) ได้ ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องดิ้นรนหาทรัพยากรเพียงน้อยนิดที่พวกเขาจำเป็นต้องมี” มูนีร์ อัคราม ประธานคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) กล่าว ระหว่างการประชุมระดับสูงเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปีการก่อตั้งสหประชาชาติ

get 1 14

วอลคาน บอสคีร์ จากประเทศตุรกี ซึ่งเป็นประธานคนใหม่ของสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ที่มีประเทศสมาชิก 193 ราย เป็นผู้เปิดการประชุมดังกล่าว ตามด้วยการปราศรัยของ อันโตนิอู กูแตร์เรช เลขาธิการยูเอ็น รวมถึงเจ้าหน้าที่ยูเอ็น และบรรดาผู้แทนจากประเทศต่างๆ

การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อนาคตที่เราต้องการ สหประชาชาติที่เราต้องมี : ยืนยันพันธกิจร่วมต่อระบบพหุภาคี” (The future we want, the United Nations we need: reaffirming our collective commitment to multilateralism)

“เรากำลังเผชิญความท้าทาย 3 ประการ ได้แก่ การฟื้นตัวขึ้นจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) และการหลีกเลี่ยงหายนะด้านสภาพภูมิอากาศที่กำลังจะมาถึง” อัคราม ระบุ โดยนอกจากจะเป็นประธานคณะมนตรีแล้ว เขายังเป็นผู้แทนถาวรประจำยูเอ็น ของปากีสถานด้วย

อัคราม ย้ำว่า ทุกประเทศควรผนึกกำลังรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ และเสริมว่าเมื่อวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 พัฒนาเสร็จสิ้น และสามารถใช้งานได้เมื่อไร “ควรเปิดกว้างให้ประชาชนทุกคนในทุกหนแห่งสามารถหาซื้อได้ในราคาย่อมเยา โดยไม่มีการกีดกันแบ่งแยก”

การจะรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ จำเป็นต้องสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง “อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ซึ่งอัครามกล่าวว่า “ไม่มีใครสามารถส่งเสริมความร่วมมือในระดับนี้ได้นอกจากยูเอ็น และองค์กรในเครือ”

ในช่วงเวลาที่ปากีสถาน เป็นประธาน ECOSOC ในปีนี้ อัคราม ระบุว่า ปากีสถานจะให้ความสำคัญกับขั้นตอนที่ปฏิบัติได้จริง และปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม เพื่อเอาชนะความท้าทายทั้ง 3 ประการข้างต้น รวมถึง การจัดสรรเงินทุนที่จำเป็น ขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน รวมถึงการประยุกต์ใช้และเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ

“ยูเอ็นจะปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์ขององค์กรไม่ได้ หากคณะมนตรีความมั่นคงไม่สามารถเคลื่อนไหว สมัชชาใหญ่ยูเอ็น และ ECOSOC ถูกลดความสำคัญลงมา ยูเอ็นจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ หากนานาประเทศเลือกที่จะกระทำเพียงฝ่ายเดียว แทนการใช้วิธีแก้ไขแบบพหุภาคี”

เจ้าหน้าที่ยูเอ็น บอกด้วยว่า โลกกำลังเอนเอียงไปยังเส้นทางที่จะบ่อนทำลายโครงสร้าง ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาสันติภาพ และส่งเสริมความเจริญรุ่งเรือง รวมถึงการบ่อนทำลายยูเอ็น พร้อมกระตุ้นให้ทุกฝ่าย ให้คำมั่นผ่านการประกาศว่าจะ “หันเหจากเส้นทางนี้” เนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปียูเอ็น

คำประกาศฉบับใหม่ระบุว่า ปัญหาความท้าทายของโลกล้วนเกี่ยวพันกัน หนทางเดียวในการแก้ไข คือการกระชับความเข้มแข็งของระบบพหุภาคี อันเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งเพราะสิ่งที่โลกแสวงหามาโดยตลอดคือการ “สร้างโลกที่เท่าเทียม สมารถฟื้นตัวได้ และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”

ที่มา : สำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo