‘วูบ’ กลายเป็นหัวข้อสนทนาสุขภาพยอดฮิต เมื่อหลายวันมานี้มีข่าวคราวคนดัง ‘วูบ’ หลายคนติดๆกัน บ้างฟื้นได้ บ้างต้องเสียชีวิตกะทันหัน และสาเหตุหนึ่งของการ ‘วูบ’ พบว่ามาจากระบบหายใจ และไหลเวียนโลหิตล้มเหลว จากกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด และแน่นอนว่า โรคนี้กำลังเป็น ‘ภัยเงียบ’ คุกคามสุขภาพของคนทั้งโลก
องค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าในปี 2558 กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของโลก พบมีถึง 17.7 ล้านคนคิดเป็น 31% ของการตายของคนทั้งโลก สำหรับประเทศไทย สถิติสาธารณสุข ของกระทรวงสาธารณสุข พบอัตราการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจต่อ 100,000 ประชากรเพิ่มขึ้นตามลำดับ
- ปี 2555 = 23.4 คน
- ปี 2556 = 26.9 คน
- ปี 2557 = 27.8 คน
- ปี 2558 = 29.9 คน
- ปี 2559 = 32.3 คน
ส่วนอัตราการป่วยต่อ 100,000 ประชากร
- ปี 2554 = 412.70 คน
- ปี 2555 = 427.53 คน
- ปี 2556 = 431.91 คน
- ปี 2557 = 407.70 คน
- ปี 2558 = 501.13 คน
ส่วนสถิติล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 16 กันยายน 2561 พบมีผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 432,943 คน อัตราการเสียชีวิต 20,855 คน ส่วนใหญ่พบในช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีผู้ป่วยอยู่ราว 305,667 คน เสียชีวิต 18,256 คน
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรค ประกอบด้วย
- ภาวะความดันโลหิตสูง
- ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ
- อ้วนลงพุง
- สูบบุหรี่
- โรคเบาหวาน
- ไม่ออกกำลังกาย
- ไม่กินผักผลไม้
- เครียด
สำหรับการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยพบข้อมูลสำคัญว่าประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น สอดคล้องกับที่พบว่าช่วงอายุ 15-24 ปีมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตอกย้ำว่า สูบบุหรี่วันละ 1 มวนเพิ่มอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ 1.74 เท่าในผู้ชาย และ 2.19 เท่าในผู้หญิงเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เช่นเดียวกับผู้ที่สูดควันบุหรี่มือสองมีความเสี่ยงไม่แพ้กัน
จะพบว่าปัจจัยเสี่ยงมาจากพฤติกรรมการกินอยู่เป็นหลัก ดังนั้น 29 กันยายน ของทุกๆปี สมาพันธ์หัวใจโลก (World heart Federation) จึงกำหนดเป็นรณรงค์วัน ‘หัวใจโลก’ เพื่อให้ประชากรโลกลดปัจจัยเสี่ยงร่วมกัน รวมถึงประเทศไทย
ปีนี้กระทรวงสาธารณสุขและมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดประเด็น My heart , Your Heart : ใจเขา ใจเรา เป็นประเด็นรณรงค์ประจำปี 2561 เพื่อรณรงค์ให้คนไทยทำ ‘สัญญากับตัวเอง’ ปรับพฤติกรรมบริโภคอาหารให้หันมาเลือกบริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายมากขึ้น และเลิกบุหรี่ เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดโรค ทั้งการสูบบุหรี่โดยตรง และการได้รับควันบุหรี่มือสอง รวมถึงมารดาที่สูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์ ที่บุตรมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
คำสัญญาปรับพฤติกรรม
- ตั้งเป้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อออกกกำลังกายอย่างเข้มข้น 5 ครั้ง/สัปดาห์
- เล่นกีฬา เดิน หรือทำงานบ้าน เต้นรำ
- เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ และบันไดเลื่อน เดินปั่นจักรยานแทนการขับรถ
- ออกกำลังกายกับเพื่อน/ครอบครัว เพื่อจูงใจและกระตุ้น
- ใช้แอพพลิเคชั่นที่บอกถึงระดับการออกกำลังกาย เช่น เครื่องนับก้าวเดิน เพื่อช่วยบอกถึงการออกกำลังกายและสุขภาพ
คำสัญญาว่าจะเลิกบุหรี่
- เลิกบุหรี่เป็นสิ่งเดียวที่จะดูแลหัวใจให้มีสุขภาพดี
- เลิกบุหรี่ภายใน 2 ปี ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- การสูดดมควันบุหรี่ของผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ ทำให้เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
- เลิกบุหรี่นอกจากจะช่วยสุขภาพตัวเองแล้ว มีผลต่อคนรอบข้างด้วย
- ไม่สามารถเลิกบุหรี่ได้ด้วยตนเอง ให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ
หวังว่าวัน ‘หัวใจโลก’ ในปีนี้จะเป็นวันเริ่มต้นของทุกคนไทยทุกคนที่จะเริ่มหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองก่อนจะ ‘วูบ’ โดยไม่รู้ตัว