– จากผลงานสุดร้อนแรงของ เชลซี และ ลิเวอร์พูล ที่เก็บได้ 15 คะแนนเต็มเท่ากัน ทำให้เป็นเพียงครั้ง 3 ในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดอังกฤษ และเป็นครั้งแรกในรอบ 110 ปีเลยทีเดียว ที่มี 2 สโมสร ชนะรวด 5 นัดแรกของฤดูกาล ก่อนหน้านี้โน่นเลยซีซั่น 1905-06 และ 1908-09
– จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม มิดฟิลด์เลือดดัตช์ของ ลิเวอร์พูล เป็นคนโขกทำประตูเปิดหัวให้ทีมบุกพิชิต สเปอร์ส 2-1 โดยประตูดังกล่าวถือเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเยือน (นับรวมสมัยเล่นให้ นิวคาสเซิ่ล ด้วย) ซึ่งก่อนหน้านี้มีความพยายามยิงถึง 54 ครั้ง แต่ไม่เป็นประตูเลย
– หลังทำหนึ่งตุงช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกเชือด วัตฟอร์ด 2-1 ส่งผลให้ โรเมลู ลูกากู ซัดครบ 20 ประตู จาก 39 นัดใน พรีเมียร์ ลีก ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด รู้หรือไม่ที่ผ่านมา มีดาวยิง “ปีศาจแดง” เพียง 3 คนเท่านั้น ที่ใช้เวลาลงเล่นน้อยกว่า หัวหอกทีมชาติเบลเยียม แล้วยิงใน พรีเมียร์ ลีก ได้ 20 ประตูเท่ากัน คือ รุด ฟาน นิสเตลรอย (26 นัด), โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (32 นัด) และ ดไวท์ ยอร์ค (34 นัด)
– เอแด็น อาร์ซาร์ เป็นนักเตะคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ เชลซี ที่สามารถซัดแฮตทริก ในศึก พรีเมียร์ ลีก ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง คนก่อนหน้านี้ที่ทำได้คือคือ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์, แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
– ดาบิด ซิลบา ดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ กระทุ้งประตูที่สองในเกมเปิดบ้านอัด ฟูแล่ม 3-0 ทำให้เขากลายเป็นนักเตะชาวสแปนิชรายที่สี่ ที่ทำประตูในเวที พรีเมียร์ลีก ถึงหลัก 50 ลูก ต่อจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส (85), ดีเอโก้ คอสต้า (52) และ เชส ฟาเบรกาส (50)
– นอกจากนี้ ซิลบา ยังกลายเป็นนักเตะ “เรือใบสีฟ้า” คนที่ห้า ที่ทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ถึง 50 ลูก ต่อจาก เซร์คิโอ อเกวโร่, ยาย่า ตูเร่, คาร์ลอส เตเวซ และ เอดิน เชโก้
– เมาริซิโอ ซาร์รี่ ผู้จัดการทีม เชลซี กลายเป็นกุนซือรายที่สี่ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ออกสตาร์ต 5 เกมแรกในตำแหน่ง และเก็บชัยชนะได้หมด ต่อจาก คาร์โล อันเชลอตติ, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เคร็ก เช็คสเปียร์
– หากนับรวมทั้งตอนเล่นให้ เชลซี, เอฟเวอร์ตัน และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แล้ว เวลานี้ โรเมลู ลูกากู ทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ไปแล้วทั้งสิ้น 105 ลูก จากการลงเล่น 225 นัด ซึ่งถือเป็นการยิงแซงหน้า ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ตำนานหัวหอก เชลซี ไปแล้ว ทั้งที่ลงเล่นน้อยกว่า ดร็อกบา ถึง 29 นัด (ดร็อกบา ยิง 104 ลูก จาก 254 นัด)
