จากกรณีที่นักร้อง-นักแสดงหนุ่ม ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล ได้ยื่นคำร้องต่อศาล ขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับอดีตแฟนสาว ซาร่า คาซิงกินี เพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกชาย น้องแม็กซ์เวลล์ โดยยืนยันว่า การเซ็นรับรองบุตรเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย คือขอมีอำนาจปกครองร่วมกับแม่เด็กและขอสิทธิเยี่ยมเยียนตามสมควร ไม่ใช่เป็นการพรากลูกออกจากแม่ ก่อนที่ต่างฝ่ายจะออกมาชี้แจงถึงเรื่องรายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามที่ได้เสนอข่าว
กระทั่ง ซาร่า ได้ทำการไลฟ์สดผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เพื่อพูดคุยและตอบคอมเมนท์จากแฟนๆ ในระหว่างไลฟ์เจ้าตัวได้อ่านคอมเมนท์ให้ลูกชายฟังว่า “มีคนบอกว่า แด๊ดดี้รักพี่แม็กซ์มากนะครับ” น้องแม็กซ์เวลล์ ได้พูดขึ้นมาว่า “จริงเหรอ โกหกหรือเปล่า ทำไมเตะออกจากคอนโด” จากนั้น ซาร่า ก็ได้ดุลูกในทันทีว่า “แม็กซ์เวลล์ไม่พูดแบบนี้ครับลูก”
ก่อนที่ ทนายเจมส์ นิติธร ทนายความชื่อดังจะออกมาเคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กเพจ ย้อนโพสต์แรกที่ทัวร์ลงเพจหลังเจ้าตัวพูดถึงกรณีของ ไมค์ พิรัชต์ ทั้งยังเล่าประสบการณ์ที่เคยทำคดีเกี่ยวกับครอบครัว ระบุว่า
“ครั้งแรกที่ทัวร์ลงเพจ เกิดจากการโพสต์กระทู้นี้ (14/9/63) ผมเคยเล่าประสบการณ์ในคดีทำคดีครอบครัว และบรรยายสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ “ไม้ตายสุดท้ายของผู้ที่ต้องการให้บุตรอยู่กับตัวเอง คือ การปั่นหัวเด็กให้เกลียดอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้เด็กไปอยู่กับอีกฝ่าย จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ” กำลังจะมีอีกแล้ว หรอ ? #ภาวนาอย่าให้เกิดขึ้น #ขอให้ความดีทั้งปวงคุ้มครองเด็กน้อย #เชื่อมั่นในความยุติธรรม #อย่าเอาความแค้นไปลงกับเด็ก”
โดยโพสต์แรกที่ ทนายเจมส์ ได้พูดถึงกรณีของหนุ่มไมค์ลงบนเพจ ระบุไว้ว่า “บนเส้นทางสายกฎหมาย คดีนี้ นับเป็นคดีที่ ๓ ที่ ฝ่ายชายขอให้ศาลมีคำพิพากษาว่า เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งพบได้น้อยมากๆ ส่วนใหญ่มีแต่ฝ่ายหญิงที่ต้องฟ้องฝ่ายชายให้รับผิดชอบ ที่ผ่านมา ถ้าผู้ชายทำผู้หญิงท้อง โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ผู้ชายมักจะปัดความรับผิดชอบทันที ไม่ช่วยเหลือค่าอุปการะเลี้ยงดูใดๆ ทั้งสิ้น จนฝ่ายหญิงจะต้องใช้สิทธิทางศาล เพื่อฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากฝ่าชาย
ต่างจากเคสนี้ ฝ่ายชายแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูมาโดยตลอด ทั้งที่ ยังไม่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ยังไม่ใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย และยังไม่มีสิทธิในการปกครองบุตรแม้แต่น้อย ในคดีครอบครัว สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด คือ การใช้เด็กเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร ถ้าไม่จ่ายเงิน หรือ จ่ายน้อย หรือ ไม่จ่ายตามที่ต้องการ ก็ไม่ให้เจอบุตร ซึ่งควรแยกแยะให้ออกระหว่างความสัมพันธ์ของบิดามารดาและบุตร กับความสะใจ การเอาชนะ หรือ เรื่องส่วนตัว
ไม้ตายสุดท้ายของผู้ที่ต้องการให้บุตรอยู่กับตัวเอง คือ การปั่นหัวเด็กให้เกลียดอีกฝ่าย เพื่อไม่ให้เด็กไปอยู่กับอีกฝ่าย จนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ พ่อสาดโคลนใส่แม่ แม่สาดโคลนใส่พ่อ พ่อก็ไม่ดี แม่ก็ไม่ดี แล้วลูกจะเหลืออะไร ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า ลูกเกิดมาจากสิ่งที่ไม่ดีงั้นหรอ ? ให้นึกถึงหน้าเด็กเวลาที่เห็นพ่อแม่เถียงกันในบัลลังก์ต่อหน้าศาล เป็นภาพที่หดหู่มากนะครับ
เคสนี้ ผมนับถือน้ำใจน้องไมค์มากครับ ไม่เคยคิดจะเอาบุตรมาอยู่กับตัวเอง เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ เด็กย้ายที่อยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดี เด็กอาจจะสับสน และเหนื่อยกับการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา วันนี้ น้องไมค์ ขอแค่ให้ศาลสั่งว่า เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอมีอำนาจปกครองร่วมกับแม่เด็ก และขอสิทธิเยี่ยมเยียนตามสมควรบ้าง ไม่ใช่พรากแม่กับลูกออกจากกันนะครับ
ถ้าอ่านคำขอท้ายฟ้องจะชัดเจนครับ ลายลักษณ์อักษรโกหกไม่เป็นแน่นอนครับ “แม้ว่าคนสองคนจะรักษาความรักเอาไว้ไม่ได้ แต่ยังคงเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้เสมอ” ให้ยึดประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้ง อะไรจบได้ ก็จบ สาวใส้กันในศาลไม่ใช่เรื่องดีนะครับ อย่าหาทำ สงสารเด็กครับ ขอให้จบลงด้วยดีนะครับ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ไมค์ พิรัชต์ เคลื่อนไหว! โพสต์เศร้า ลูกไม่รัก เจ็บน้อยกว่า คิดว่าเราไม่รัก
- ‘อั้ม พัชราภา’ พร้อมใจเหล่าคนบันเทิง ส่งกำลังใจให้ ‘ไมค์ พิรัชต์’
- ทนายเจมส์ เผยคลิป ไมค์ ท่อนบทภาษาจีน กว่าจะได้เงินแต่ละบาท ไม่ง่าย!