Politics

เติมพลังมวลชน! ‘ช่อ’ ร่วมม็อบมธ.มอบกำลังใจผู้ร่วมชุมนุม

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวว่ามาร่วมชุมนุมวันนี้ในฐานะประชาชน มาเติมเต็มพลังมวลชน  ยืนยันว่าวันนี้มามอบกำลังใจให้กับผู้ร่วมชุมนุม เนื่องจากตอนนี้เป็นการต่อสู้ของประชาชน โดยตนมาติดตามบรรยากาศการเตรียมความพร้อมการชุมนุมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เชื่อว่าสุดท้ายแล้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะยอมเปิดพื้นที่ให้ชุมนุม โดยอ้างอิงถึงเมื่อเหตุการณ์ตุลาคมในอดีตก็มีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนชุมนุมเช่นกัน ทำให้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาไม่มีภาพการตัดโซ่ หรือพังประตู ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดี หวังว่าประชาชนจะเป็นพลังที่ไม่มีใครขวางกั้นได้ รัฐบาลจะฟังประชาชนอย่างคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือไม่

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะมีความรุนแรงใด และบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยเฉพาะมีร้านค้าขายอาหาร ของแจก มากมาย บรรยากาศมีแต่ความคึกคัก และรู้สึกดีเป็นพิเศษ เนื่องจากว่ามีคนร่วมชุมนุมทุกกลุ่มทุกวัย เมื่อตอนการชุมนุม 18 สิงหาคมที่ผ่านมา  ส่วนใหญ่ 80% เป็นวัยรุ่น แต่ครั้งนี้มีครอบครัวพาลูกมา มีอดีตข้าราชการเกษียณ เช่น ผู้พิพากษา อัยการ เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็มีเด็กมัธยมและนักศึกษามาร่วม พร้อมย้ำว่า เป็นความสวยงามในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย

ช่อ

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่ายังเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐพยายามสกัดกั้นการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นทางเรือ ที่มีผู้ชุมนุมมาจากท่าน้ำนนท์ หรือประชาชนที่เดินทางมาจากภาคเหนือ แต่สุดท้ายก็เดินทางมาได้ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องยอมรับว่านาทีนี้ประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไป ประชาชนลุกขึ้นต่อสู้แล้วโดยไม่มีอะไรขวางกั้น หากรัฐบาลพยายามขวางมีแต่จะยิ่งพัง จะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ พร้อมขอให้รับฟังเสียงประชาชน เชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้จะส่งสัญญาณให้รัฐบาล และรัฐสภา ในการพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 23 – 24 กันยายนนี้ พร้อมย้ำว่าให้พิจารณาร่างของฝ่ายค้านที่มีการกำหนดร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั่วประเทศ

ส่วนโมเดลของรัฐบาลที่กำหนดมาจากการเลือกตั้ง 150 คน และเป็นการเลือกกันเองอีก 50 คน จากนักวิชาการ นักศึกษา ตัวแทนรัฐสภา โดยมองว่าเป็นโมเดลหวยล็อค ซึ่งไม่ต่างจากการทำรัฐธรรมนูญปี 2560 และไม่อยากเห็นการแก้ปัญหาแบบพายเรือในอ่างกลับไปสู่วังวนเดิม และถ้ารัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาก็ควรรับร่างแก้รัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านที่มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.200 คน ให้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศ แต่ถ้าหากไม่ยอมให้เลือกตั้งทั้งหมดก็จะเกิดคำถามว่ากลัวอะไร

น.ส.พรรณิการ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนตั้งข้อสังเกตถึง ส.ส.ร.50 คน ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาล มีการคัดเลือกจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงมองว่าหากเป็นเช่นนี้ กกต.จะทำอะไรก็ได้ และยังมีสัดส่วนของรัฐสภา ซึ่งคาดว่าในจำนวนนี้จะมีสัดส่วนของรัฐบาล ราว 40 คน ที่ถูกเลือกมา และท้ายที่สุด ส.ส.ร.ที่มีแต่คนของรัฐบาลจะต่างอะไรกับการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2560

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight