Economics

‘ยืดหนี้-ลดดอกเบี้ย’ภารกิจแบ่งเบาลูกหนี้ธกส. 3.8 ล้านราย 

S 8822791
ศรายุทธ ยิ้มยวน

หลังจากมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ได้อนุมัติโครงการขยายเวลาพักชำระหนี้ และลดดอกเบี้ยให้เกษตรกร 3.81 ล้านราย เพื่อบรรเทาและลดภาระหนี้สินของเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถ การชำระหนี้เมื่อสิ้นสุดโครงการ เป็นการส่งเสริมและฟื้นฟูการประกอบอาชีพ  การปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรในระหว่างเข้าร่วมโครงการ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการเสริมสร้างความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานรากนำไปสู่การขยายตัวของเศรษฐกิจ และเพื่อให้มีโอกาสสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการออมเงิน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 นายศรายุทธ ยิ้มยวน  ผู้ช่วยผู้จัดการธ.ก.ส. กล่าวว่า ตามมติครม.รัฐบาลจึงได้ออกมาตรการ ช่วยเหลือเกษตรกร เป็นโครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้กับเกษตรกรและ โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้

สำหรับโครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้กับเกษตรกร เป็นการขยายระยะเวลาชำระต้นเงินกู้ออกไป 3 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ตามความสมัครใจ แต่เกษตรกรยังต้องชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ตามกำหนดเดิม

โครงการนี้เป็นการขยายเวลาเงินต้นสินเชื่อเกษตรกรออกไปอีก 3 ปี เท่ากับว่าในช่วง 3 ปีไม่ต้องชำระเงินต้น เป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรหรือลูกหนี้สามารถนำต้นเงินไปฟื้นฟู หรือไปพัฒนาตนเองตามความจำเป็น “น่าจะช่วยผ่อนคลายภาระเกษตรกรได้”

ส่วนโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกร สำหรับต้นเงินกู้ไม่เกิน  300,000 บาทแรก  ธ.ก.ส. ลดดอกเบี้ยให้ 3% เป็นเวลา 1 ปี โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2562  นั่นหมายความว่า คนที่กู้เงินไปไม่เกิน 300,000 บาท จะได้ลดดอกเบี้ยเต็มจำนวน แต่ถ้าคนที่มีหนี้เกิน 300,000 บาท อย่างเช่น มีหนี้ 1 ล้านบาท  สามารถลดดอกเบี้ย 3%  ได้เฉพาะ 300,000 บาทแรก ส่วนที่เหลือ 700,000 บาท ดอกเบี้ยปกติ

121212

นายศรายุทธ ยอมรับว่าการที่ต้องมีมาตรการนี้ออกมา ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ที่แผ่ขยายไปทั่ว รวมถึงประเทศไทย ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก รัฐบาลหวังว่าเมื่อมีมาตรการดังกล่าวออกมา ทำให้เกษตรกรไม่ต้องชำระเงินต้น ฉะนั้นเกษตรกรบางส่วนก็น่าจะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยตามความจำเป็นได้ อย่างเช่น นำไปลงทุนภาคเกษตร หรือนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันก็ได้

“เชื่อว่าจะมีเงินหมุนเวียนไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้ มีการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจก็น่าจะดีขึ้น อีกส่วนน่าจะเป็นขวัญและกำลังใจที่เป็นส่วนสำคัญให้กับเกษตรกรในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่หากยังมีภาระหนี้สินมากความเครียดก็จะเกิดขึ้น “

นายศรายุทธอธิบายว่า ระหว่างขยายเวลาการชำระหนี้ ธ.ก.ส. ก็ยังมีแผนพัฒนาอาชีพเป็นรายบุคคลให้กับเกษตรกรที่เข้าสู่มาตรการดังกล่าว ซึ่งทุกคนที่สมัครเข้ามาต้องพิจารณาว่า เกษตรกรบางคนอาจจะไม่เดือดร้อนแต่ขอใช้สิทธิ์ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่น กลุ่มนี้ ธ.ก.ส.ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปทำอะไร

แต่จะมีเกษตรกรอยู่ประมาณ 6 แสนราย ที่มีศักยภาพน้อยในการชำระหนี้ เพราะมีภาระมาก กลุ่มนี้ ธ.ก.ส.จะเข้าไปช่วยพัฒนาอาชีพ โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเกษตรกรว่า มีเกษตรกรรายไหนต้องการพัฒนาอาชีพอะไร จะปรับเปลี่ยนอาชีพใหม่หรือไม่

“เราจะเข้าไปช่วยเหลือให้คำปรึกษารวมถึงการใช้ปัจจัยการผลิต เพื่อเกษตรกรสามารถผลิตแล้วให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น”

  6 แสนราย เป็นกลุ่มที่เคยช่วยเรื่องปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว เป็นเอ็นพีแอลบางส่วน  กลุ่มนี้ประเมินแล้วถ้าเราไม่ช่วยเขาวันหน้าเขาก็จะเดือดร้อนหนัก

นายศรายุทธ ยอมรับว่ากลุ่มเกษตรกร 6 แสนราย เป็นกลุ่มที่เคยช่วยเรื่องปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว และเป็นเอ็นพีแอลบางส่วน  กลุ่มนี้ประเมินแล้วถ้าไม่ช่วยเขา วันหน้าเขาก็จะเดือดร้อนหนัก เชื่อว่าการทำงานเป็นทีมร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ ในทุกอำเภอ น่าจะช่วยเหลือ และเข้าถึงเกษตรกรที่เป็นปัญหาได้  อย่างเช่น การส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่นาข้าว อาจจะเป็นการทดแทนการปลูกข้าวก็ได้ เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวก็ตกต่ำ ขณะที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความต้องการของตลาดมีมากกว่า ตามโครงการมีการส่งเสริมปลูกข้าวโพดนาข้างนาอยู่ 2 ล้านไร่

S 8822792
ศรายุทธ ยิ้มยวน

เราต้องช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น สามารถลดภาระหนี้สิน ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ปลูกพืชให้ตรงกับความต้องการของตลาด

“นายกฯ พูดเสมอว่า ถ้าทำอะไรแล้วขายไม่ได้อย่าทำ พูดไปแล้วบางคนอาจจะมองว่าเหมือนเดิม แต่นายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศต้องการส่งสัญญาณว่าทำอะไรแล้วขายไม่ได้อย่าทำ”นายศรายุทธ กล่าว

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา  ธ.ก.ส. ได้ส่งพนักงานออกไปพบเกษตรกรลูกค้า เพื่อชี้แจงรายละเอียดโครงการ และสอบถามความสมัครใจ หากเกษตรกรประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ ต้องลงชื่อในแบบแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ ในจุดประชุมแต่ละพื้นที่ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2561 หากพ้นกำหนดจะไม่ได้รับสิทธิ์ขยายเวลาชำระหนี้ แต่ยังคงได้รับสิทธิ์ลดดอกเบี้ยเป็นเวลา 1 ปี

โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. รัฐบาลจะจัดงบประมาณมาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้แทนเกษตรกรในอัตรา 2.5% ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระค่าใช้จ่ายแทนเกษตรกรในอัตรา 0.5% ต่อปี คิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 20,000 ล้านบาท

โครงการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพ เพื่อสนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพให้แก่เกษตรกร  ที่เข้าร่วมมาตรการลดภาระหนี้เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐ โดยลดภาระทางด้านการเงินและเพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพภาคการเกษตร และยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการลดภาระหนี้ สนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐ เพื่อลดภาระการส่งชำระหนี้เงินกู้ของเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการลดภาระหนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐ

โดยมีกลุ่มเป้าหมายลูกค้าเกษตรกร  จำนวน 1,000,000 ราย วงเงินให้สินเชื่อรวม 250,000 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาจ่ายเงินกู้ ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561 – 31 กรกฎาคม 2562

คุณสมบัติผู้กู้ ต้องเป็นเกษตรกรลูกค้าตามมาตรการลดภาระหนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐที่มีหนี้เงินกู้ปกติ  และเป็นเกษตรกรลูกค้าที่สามารถชำระดอกเบี้ยเงินกู้ได้ครบถ้วน

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight