General

80% โหวตเลิกโอเน็ต ‘ณัฏฐพล’ เห็นด้วย รื้อระบบการศึกษา

“ณัฏฐพล” ย้ำ นำทุกความคิดเห็นของนักเรียนรับมาพิจารณา และแก้ไข สอดคล้องกับแนวคิดในแผนปฏิรูปการศึกษา ส่งสารถึงผู้อำนวยการสถานศึกษาทั่วประเทศ เปิดรับฟังข้อคิดเห็น และสร้างความเข้าใจต่อเนื่อง เรียกสทศ. หารือสอบโอเน็ต หลัง 80% โหวด เลิกโอเน็ต 

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังจากได้เปิดช่องทางรับข้อเรียกร้อง ข้อเสนอแนะ และความคิดเห็นของนักเรียน ผ่านเว็บไซต์ www.nataphol.com และช่องทางอื่นๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทุกประเด็นทางกระทรวงศึกษาธิการ ถือเป็นเรื่องต้องรับมาพิจารณาและดำเนินการ

เลิกโอเน็ต

“ทุกเรื่องที่น้องๆ เสนอเข้ามา ในทุกช่องทางที่ผมเปิดไว้ ผมได้รับรู้ และรับทราบทุกข้อ และในหลายๆ เรื่อง ผมได้เรียกให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เข้ามารับทราบข้อมูลและให้ดำเนินการแก้ไข เป็นการเร่งด่วน ซึ่งบางเรื่อง ได้ดำเนินการไปแล้ว และบางเรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการ”

“ผมมีความชัดเจน ที่ต้องการรื้อระบบการศึกษา ซึ่งหลายเรื่องกว่าจะมีผลสำเร็จต้องใช้ระยะเวลา แต่ขอให้น้องๆ มั่นใจว่า ผมเห็นด้วยกับทุกๆ ฝ่าย ที่ต้องมีการรื้อระบบการศึกษาไทย ให้สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21”

เช่นเดียวกับการยกเลิกการสอบโอเน็ต ในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีนี้ ตนได้เรียกสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) มาพูดคุย และให้ร่วมหารือกับคณะกรรมการ สทศ. เพื่อสรุปแนวทางปฏิบัติ รวมถึงแก้ไขข้อติดขัดต่างๆ หากมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการสอบแต่ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องมีหลักเกณฑ์การวัดผลอื่นๆ มาทดแทนด้วย ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ ที่จะมีการยกเลิกการสอบในบางระดับชั้น หรือทุกชั้นหรือเลือกที่จะสอบ

นายณัฏฐพลกล่าวว่า สำหรับช่องทางการสำรวจ ซึ่งเปิดให้มีการโหวตผ่าน www.nataphol.com ปรากฏว่า ในเบื้องต้นมีผู้เข้ามาร่วมโหวตมากกว่า 20,000 โหวต ซึ่งเสียงโหวตส่วนใหญ่กว่า 80% แสดงความคิดเห็นต้องการให้ เลิกโอเน็ต

การแก้ไขปัญหาในทุกๆ เรื่องนั้น สอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกับน้องๆ นักเรียน และอีกหลายภาคส่วน และตนเชื่อมั่นว่า น้องๆ นักเรียนจะเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมด้านปฏิรูปด้านการศึกษาไทยจนเกิดผลสำเร็จ

“ทุกการร้องเรียน ผมจะเก็บเป็นความลับ ขอให้ทุกคนมั่นใจ ผมเชื่อว่าข้อเรียกร้องของน้องๆ ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยในวันนี้ น้องๆ ยังคงสามารถใช้ช่องทาง nataphol.com และช่องทางของ ศธ. ได้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า น้องๆ อาจไม่ได้คิดที่อยากจะออกไปชุมนุมด้วย เพราะข้อเรียกร้องที่มานั้นได้รับการแก้ไขแล้ว และบางเรื่องก็อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ”

ตนได้เน้นย้ำไปยังผู้อำนวยการสถานศึกษาทั่วประเทศ ให้เปิดรับฟังข้อร้องเรียน พร้อมทำความเข้าใจกับน้องๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมว่าประเด็นปัญหาสำคัญของประเทศในขณะนี้ คือเรื่องปากท้องของประชาชน และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งถือเป็นลำดับต้นๆ ที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ และร่วมมือกันแก้ไขอยู่ในขณะนี้

“ดังนั้น ในช่วงนี้ เราควรสร้างโอกาสและข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน ในสถานการณ์ที่ไทยอยู่ในจุดที่ได้เปรียบกรณีการรับมือจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพราะไทยเป็นประเทศที่อยู่ในลำดับต้นๆ ในการรับมือได้ดีที่สุด ซึ่งนี่คือจุดแข็งของไทย ที่นานาประเทศให้ความชื่นชม”

เลิกโอเน็ต

ทั้งนี้ ภายหลังจากนายณัฏฐพลได้มอบนโยบายให้ สพฐ. สั่งการให้โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน มีโรงเรียนทั้งสิ้น 1,015 โรงเรียน ใน 47 เขตพื้นที่การศึกษา มีนักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นรวม 29,584 คน

โดยแบ่งเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นระดับชั้นประถมศึกษาใน 18  เขตการศึกษา 176  โรงเรียน มีนักเรียนร่วมแสดงความเห็น 2,214 คน เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นระดับชั้นมัธยมศึกษาใน 26 เขตการศึกษา จำนวน 839 โรงเรียน นักเรียนแสดงความเห็น 27,344 คน รวมถึงโรงเรียนเฉพาะทาง 48 แห่ง ศูนย์การศึกษาพิเศษ 77 ศูนย์ และโรงเรียนสงเคราะห์อีก 52  แห่ง

ประเด็นที่มีการแสดงความเห็นเป็นหัวข้อเดียวกันกับ การชุมนุมของเด็กนักเรียนที่ผ่านมา ได้แก่ ปัญหาด้านการเรียนการสอน ที่ยังมีความเหลื่อมล้ำในระบบ การแข่งขันของคุณครู ที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนการสอน ไม่เห็นด้วยกับการสอบโอเน็ต เนื่องจากบริบททางการศึกษาของแต่ละโรงเรียน และแต่ละบุคคล มีความแตกต่างกัน

ปัญหาด้านเครื่องแบบนักเรียน และทรงผม ปัญหาการใช้พฤติกรรมรุนแรง กลั่นแกล้ง รังแกผู้อื่นทั้งทางวาจา และร่างกาย รวมถึงการปรับปรุงสภาพโรงเรียนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น

ส่วนการแสดงออกทางความคิดเห็น ต้องการให้ผู้ใหญ่เปิดใจรับฟังความคิดเห็นในมุมที่แตกต่าง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างวัย ประสบการณ์ และทัศนคติ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo