Business

มาก่อนได้ก่อน! แจกเงิน 3000 บาท 16 ต.ค.นี้ เช็คเงื่อนไขก่อนลงทะเบียนที่นี่

แจกเงิน 3000 บาท “กระทรวงการคลัง” เคาะเริ่มลงทะเบียน 16 ต.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ผ่าน www.คนละครึ่ง.com ย้ำลงก่อนได้ก่อน เต็ม 10 ล้านคนปิดลงทะเบียนทันที!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด (ศบศ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบหลักการโครงการ “คนละครึ่ง” ที่เสนอโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง

โดยมีสาระสำคัญของโครงการ คนละครึ่ง ได้แก่ ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน เปิดลงทะเบียนต้นเดือน ตุลาคม 2563 ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ผ่าน www.คนละครึ่ง.com เริ่มใช้จ่ายปลายเดือน ตุลาคม 2563 วันละไม่เกิน 100 บาท รวมตลอดอายุโครงการไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน เป็นการร่วมจ่ายที่รัฐจ่ายให้ครึ่งหนึ่งผู้ซื้อต้องจ่ายครึ่งหนึ่ง โดยสามารถใช้จ่ายได้ถึงสิ้นเดือน ธันวาคม 2563 นั้น

แจกเงิน 3000

ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค. จะเสนอรายละเอียดโครงการ คนละครึ่ง แจกเงิน 3000 บาท ให้ประชาชน 10 ล้านคน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนรับเงิน 3,000 บาท ผ่าน www.คนละครึ่ง.com โดยประชาชนที่อายุ 18 ปี และไม่ได้เป็นผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ทั้งนี้ สามารถลงทะเบียนรับเงินได้ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนหากเต็ม 10 ล้านคน ก็ถือว่าครบ หากไม่เต็มก็เปิดให้ลงทะเบียนในวันต่อ ๆ ไปจนครบ 10 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม หลังจากลงทะเบียนแล้ว ภายใน 2 วัน ผู้ลงทะเบียนจะได้รับ SMS แจ้งว่าผ่านการพิจารณาหรือไม่ หากผ่านก็ให้โหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งรัฐบาลจะโอนเงิน 3,000 บาท ให้กับผู้ได้สิทธิ์ เพื่อนำไปซื้อของกินของใช้จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งร้านค้าจะมีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ขณะนี้มีมากกว่า 1 แสนร้านค้า โดยผู้ได้สิทธิ์ต้องโอนเงินส่วนที่จะซื้อของเข้า แอปพลิเคชันเป๋าตัง ของตัวเองด้วย เพราะมาตรการนี้เป็นการร่วมจ่ายกัน คนละครึ่ง

สำหรับการเริ่มให้ผู้ได้สิทธิ์เริ่มใช้จ่ายในโครงการได้ในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 โดยรัฐบาลกำหนดช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าวันละไม่เกิน 100 บาท หรือ ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

ขณะที่การไปซื้อสินค้าจะต้องจ่ายเงินผ่าน แอปพลิเคชันเป๋าตัง เท่านั้น โดยนำ แอปพลิเคชันเป๋าตัง ไปสแกนกับ แอปพลิเคชันถุงเงิน ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เช่น ซื้อของ 100 บาท ระบบก็จะตัดเงินของผู้ได้สิทธิ์ใน แอปพลิเคชันเป๋าตัง ไป 50 บาท และจะแจ้งว่าวงเงินที่รัฐช่วยจ่ายเหลือ 2,950 บาท โดยในส่วนของรัฐช่วยจ่ายจะดำเนินการจ่ายให้ร้านค้าในวันถัดไป

ระบบการลงทะเบียนและการใช้เงิน จะทำได้เวลา 06.00 – 23.00 น. ของทุกวัน เพราะระบบต้องหยุดเพื่อประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะการจ่ายเงินให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต่อไป โดยโครงการนี้ผู้ได้สิทธิ์ต้องจ่ายเงินชำระสินค้าผ่าน แอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งผู้ได้สิทธิ์ก็ต้องเตรียมเงินไว้ให้เพียงพอกับซื้อสินค้าด้วย ไม่สามาระชำระเป็นเงินสด เพื่อป้องกันการทุจริต” นายลวรณ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้สิทธิ์แล้ว จะต้องเริ่มใช้เงินภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS หากไม่ใช้เงินระบบจะตัดชื่อออก เพื่อให้คนอื่นเข้ามาจองสิทธิ์ใหม่ โดยผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ก็ยังสามารถมาลงทะเบียนใหม่ได้ โดยโครงการนี้ต้องการให้เกิดการใช้จ่ายจริง ๆ ไม่ต้องการให้มีการของกักสิทธิ์ของผู้อื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ

ในส่วนของร้านค้าที่ต้องเข้าร่วมโครงการ จะเป็นร้านหาบเร่ แผงลอย ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ใช่ร้านค้าขนาดใหญ่ที่เป็นนิติบุคคล และ ร้านสะดวกซื้อ ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ส่วนกรณีของแฟรนไชส์ เช่น ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว สามารถเข้าโครงการได้ เพราะถือว่าผู้ที่ขายจริงเป็นบุคคลธรรมดา

“สศค. อยากประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการทุกราย มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่ควรทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะระบบจะตรวจสอบความผิดปกติได้ เช่น ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเคยขายของได้วันละ 2 หมื่นบาท แต่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เป็น 2 แสนบาท และมีความถี่ของการขายผิดปกติ สศค. ก็จะส่งลงไปตรวจสอบหากพบการกระทำผิด ก็ตัดชื่อออกจากโครงการ” นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า นอกจากการ แจกเงิน 3000 บาท ให้กับประชาชน 10 ล้านคน แล้ว รัฐบาลยังช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการโดยให้วงเงินซื้อสินค้าเพิ่มอีกเดือนละ 500 บาท จากที่ได้รับเดือนละ 200 กับ 300 บาท ก็จะได้รับเดือนละ 700 บาท กับ 800 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2563 หรือเท่ากับได้เงินเพิ่มอีก 1,500 บาท เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าคนกลุ่มนี้เข้าถึงเทคโนโลยีลำบาก ทำให้ไม่สะดวกที่จะไปจองสิทธิรับเงิน 3,000 บาท จึงให้ความช่วยแยกออกเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มมากขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo