สินเชื่อเสริมพลังฐานราก ปิดการลงทะเบียนแล้ว ตรวจสอบผลการลงทะเบียนง่ายๆ ที่นี่ พร้อมเผยโครงการสินเชื่ออื่นๆ ที่ยังเปิดให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก “โควิด” ลงทะเบียนกู้เงินอีก เช็คเลย!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก “ธนาคารออมสิน” ได้เปิดโครงการ “สินเชื่อเสริมพลังฐานราก” เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีอาชีพค้าขาย ประกอบอาชีพอิสระ และผู้มีรายได้ประจำ รวมถึงบุคคลในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจาก “โควิด” ด้วย “สินเชื่อเสริมพลังฐานราก” ซึ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการดำรงชีพ เพื่อการลงทุน หมุนเวียนในกิจการ ให้วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน (Flat Rate) ระยะเวลาผ่อนชำระเงินกู้ไม่เกิน 3 ปี ที่สำคัญไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือ บุคคลค้ำประกันเงินกู้ อีกทั้งยังปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย หรือไม่ต้องชำระเงินงวดใน 6 เดือนแรกอีกด้วยนั้น
โดยล่าสุด “ธนาคารออมสิน” ได้ปิดการลงทะเบียนสินเชื่อดังกล่าวแล้ว หลังมีผู้ยื่นขอสินเชื่อ 2.3 แสนราย ภายใน 2 วันเท่านั้น
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า การปิดลงทะเบียนในครั้งนี้ ถือเป็นการชะลอการลงทะเบียน เพื่อไปตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่แจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อในรอบแรก เนื่องจากการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขอสินเชื่อต้องใช้ระยะเวลา ต่างจากการขอสินเชื่อฉุกเฉิน 1 หมื่นบาท ที่สามารถปล่อยกู้ได้เลย ทั้งนี้ หากมีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ยังมีผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่ธนาคารกำหนด ธนาคารจะเปิดลงทะเบียนรอบ 2 เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาขอสินเชื่อต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ลงทะเบียน สินเชื่อเสริมพลังฐานราก สามารถตรวจสอบการลงทะเบียนได้โดยคลิกที่เว็บไซด์ ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือ คลิกที่นี่
จากนั้นให้เลื่อนลงมาด้านล่างแล้วกดเลือก ตรวจสอบผลการลงทะเบียน สินเชื่อเสริมพลังฐานราก หรือ คลิกที่นี่
จากนั้นให้กรอกข้อมูล หมายเลขบัตรประชาชน และ หมายเลขโทรศัพท์ ( หมายเลขบัตรประชาชนและหมายเลขโทรศัพท์ ต้องเป็นเบอร์และหมายเลขที่ท่านสมัครสินเชื่อเสริมพลังฐานรากธนาคารออมสินครั้งก่อนหน้านี้เท่านั้น) จากนั้นกด ตรวจสอบข้อมูลสมัคร
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ลงทะเบียน สินเชื่อเสริมพลังฐานราก ไม่ทัน หรือไม่ผ่านเกณฑ์ ธนาคารออมสินยังมีสินเชื่ออื่นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ได้แก่ สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่า (COVID-19) โดยแบ่งเป็น
สำหรับผู้อาชีพอิสระ วงเงินสูงสุด 10,000 บาท
คุณสมบัติ
- สัญชาติไทย และอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ทั้งนี้เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลากู้แล้วอายุต้องไม่เกิน 70 ปี
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระนอกภาคการเกษตร (เช่น พ่อค้าแม่ค้า ลูกจ้าง/รับจ้างทั่วไป ขับแท็กซี่ มัคคุเทศก์ เป็นต้น)
- มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 30,000 บาท
- มีที่อยู่อาศัยแน่นอนที่ติดต่อได้
- ผู้ได้รับผลกระทบ COVID-19
เงื่อนไขสินเชื่อ
- วงเงิน 10,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) 0.10% ต่อเดือน
- ไม่ต้องมีหลักประกัน
- ระยะเวลาให้กู้ไม่เกิน 2 ปี ปลอดการผ่อนชำระหนี้ใน 6 งวดแรก เริ่มชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยในงวดที่ 7 โดยหักเงินชำระจากบัญชีเงินฝากของผู้กู้
- ระยะเวลาอนุมัติเงินกู้และจัดทำสัญญา สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการจำนวน 20,000 ล้านบาท
วิธีการรับเงินกู้
- เมื่อได้รับข้อความ SMS แจ้งผลการพิจารณาเงินกู้ จะจ่ายโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากที่แจ้งไว้ภายใน 3 วัน
เอกสารใช้ในการขอกู้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสาร/หลักฐานแสดงการได้รับผลกระทบจาก ไวรัสโคโรนา (COVID-19) (ถ้ามี) เช่น หนังสือแจ้งปิดสถานประกอบการ/ประกอบอาชีพ เอกสารสั่งการจากหน่วยงานราชการ เป็นต้น
- เอกสารแสดงการชำระหนี้เป็นปกติ กรณีลูกค้ามีประวัติหนี้ค้างชำระ
สามารถลงทะเบียนได้โดย คลิกที่นี่
สำหรับผู้มีรายได้ประจำ วงเงินสูงสุด 50,000 บาท
คุณสมบัติ
- สัญชาติไทย มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 65 ปี
- ผู้มีรายได้ประจำ แต่มีรายได้ลดลงหรือขาดรายได้เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนา (COVID-19) เช่น พนักงานบริษัทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือธุรกิจบริการ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เป็นต้น
- เป็นผู้ที่มีถิ่นที่อยู่แน่นอน มีสถานที่ประกอบอาชีพ สามารถติดต่อได้
- เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร
- มีการตรวจสอบรายได้จากกรมสรรพากร (ถ้ามี)
เงื่อนไขสินเชื่อ
- ให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระคืน ไม่เกินรายละ 50,000 บาท
- อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ร้อยละ 0.35 ต่อเดือน
- ต้องมีหลักประกัน (บุคคลค้ำประกัน 1-2 คน หรือหลักประกัน ประเภทอื่นที่ธนาคารกำหนด)
- ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้และดอกเบี้ย ไม่เกิน 3 ปี
- ผ่อนชำระ 36 งวด ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นรายเดือน โดยหักเงินชำระจากบัญชีเงินฝากของผู้กู้
- ระยะเวลาอนุมัติเงินกู้และจัดทำสัญญา สิ้นสุดวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการจำนวน 20,000 ล้านบาท
วิธีการขอสินเชื่อ
- ลงทะเบียนผ่าน Web Site ธนาคาร กรอกข้อมูลส่วนตัวที่ธนาคารกำหนด
- ธนาคารจะแจ้งให้มาติดต่อที่สาขา
- ยื่นเอกสารการขอกู้ที่สาขา
- ธนาคารพิจาณาเอกสารประมาณ 4-15 วันทำการ ขึ้นอยู่กับหลักประกันและเอกสารคำขอกู้ครบถ้วน
เอกสารใช้ในการขอกู้ ของผู้กู้ / ผู้ค้ำประกัน
1. เอกสารส่วนบุคคล
1.1 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน ใบเปลี่ยนชื่อสกุล (ถ้ามี) ของผู้กู้และคู่สมรส / ผู้ค้ำประกัน
1.2 เอกสารแสดงสถานภาพ เช่น สำเนาใบสำคัญการสมรส (ถ้ามี)
1.3 สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคาร ออมสิน / บัญชีเงินฝากพื้นฐาน ของผู้กู้
2. เอกสารทางการเงิน
2.1 สลิปเงินเดือน / หลักฐานการรับเงินเดือน เดือนล่าสุด ของผู้กู้และผู้ค้ำประกัน กรณีผู้ค้ำประกันไม่ใช่ผู้มีรายได้ประจำ (ประกอบอาชีพอิสระ) สามารถใช้บัญชีรับ-จ่ายย้อนหลัง 3 เดือนโดยอนุโลม
2.2 เอกสารแสดงการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 3 เดือนของผู้กู้ และเดือนล่าสุดของผู้ค้ำประกัน
สามารถลงทะเบียนได้โดย คลิกที่นี่
นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ยังมีสินเชื่อเพื่อดูแลเกษตรกร ได้แก่ สินเชื่อฉุกเฉินสำหรับเกษตรกรและครอบครัว โดยผู้ขอกู้ต้องเป็นเกษตรกร หรือ ครอบครัวของเกษตรกร
- วงเงินกู้สูงสุด : 10,000 บาท
- ระยะสูงสุด : 2 ปี
- ดอกเบี้ย : 0.1% ต่อเดือน
- ธุรกิจ : เกษตร
- เงื่อนไขเพิ่มเติม : ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรกนับจากวันกู้ กำหนดชำระคืนแล้วเสร็จ ภายใน 2 ปี 6 เดือนนับจากวันกู้
- วงเงินโครงการ : 20,000 ล้านบาท
- ยื่นภายใน : 30 ธันวาคม 2563
สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้โดย คลิกที่นี่
อย่างไรก็ตาม สำหรับ ผู้ประกอบการ SMEs นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ของแบงก์ชาติ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นแหล่งจ้างงานสำคัญของเศรษฐกิจไทย แบงก์ชาติได้ออกมาตรการ soft loan เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้
ทั้งนี้ หากท่านเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 500 ล้านบาท (สำหรับแต่ละสถาบันการเงิน) ท่านอาจได้รับ soft loan โดยแบงก์ชาติ ได้กำชับให้สถาบันการเงินกระจายเงินสินเชื่อนี้อย่างทั่วถึง สาธารณชนสามารถติดตามความคืบหน้าของมาตรการ รวมถึงข้อมูลภาพรวมของลูกหนี้ที่ได้รับ soft loan ของแบงก์ชาติได้จาก ที่นี่
ทั้งนี้ ประกาศ ธปท. ได้กำหนดให้สถาบันการเงินห้ามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากผู้ขอสินเชื่อในกรณีนี้
คุณสมบัติผู้รับสิทธิ์
- เป็นผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
- ไม่จดทะเบียนในตลาดหุ้น และไม่ประกอบธุรกิจทางการเงิน
- ไม่เป็น NPL ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- มีวงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจ (O/D, working cap, term loan, trade finance) รวมทั้งกลุ่มธุรกิจกับสถาบันการเงินแต่ละแห่งไม่เกิน 500 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- ถ้าธุรกิจมีวงเงินกู้อยู่มากกว่า 1 สถาบันการเงิน ก็จะได้รับสิทธิ์นี้สำหรับแต่ละสถาบันการเงินที่มีวงเงินกู้รวมไม่เกิน 500 ล้านบาท
สิทธิ์ที่จะได้รับ
- สินเชื่อ soft loan วงเงินไม่เกิน 20% ของยอดสินเชื่อคงค้าง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562
- อัตราดอกเบี้ย ไม่เกิน 2% ต่อปี นาน 2 ปี โดยคิดตามวงเงินที่เบิกใช้จริง
- ฟรี ดอกเบี้ย 6 เดือนแรก โดยจ่ายคืนเฉพาะเงินต้น
- ฟรี ค่าธรรมเนียมทุกประเภท
- รัฐบาลค้ำประกันสินเชื่อให้ 70% ในกรณีที่มีวงเงิน ณ 31 ธันวาคม 2562 ไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือ 60% ในกรณีที่มีวงเงินเดิมเกิน 50 ล้านบาท
- ทั้งนี้ ในบางกรณี สถาบันการเงินอาจพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเอง (วงเงินเกินกว่ายอดสินเชื่อคงค้างตามสิทธิ์) และมีการกำหนดเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป เช่น อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 2% ในส่วนของสินเชื่อเพิ่ม
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีวงเงินกู้กับสถาบันการเงิน หรือต้องการวงเงินกู้เพิ่มเติม สามารถหารายละเอียดมาตรการความช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น เงินกู้ soft loan ของธนาคารออมสิน หรือสินเชื่อจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๆ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ธปท.เปิดเกณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ปล่อยกู้ดอกเบี้ยไม่เกิน 25%
- สินเชื่อเสริมพลังฐานราก เต็มแล้ว! ‘ออมสิน’ ปิดลงทะเบียนหลังปชช.แห่กู้
- เปิดเงื่อนไข-วิธีลงทะเบียน ‘สินเชื่อเสริมพลังฐานราก’ ที่นี่!