COLUMNISTS

‘Creative Conceptions’ ทักษะที่ 1 แห่งโลกอนาคต 

Avatar photo
ที่ปรึกษาบริหารโครงการ บริษัท สลิงชอท คอนซัลทิง จำกัด
294

พอได้ยินคำว่า ริเริ่มสร้างสรรค์ หลายๆ คนก็คงอยากที่จะเบือนหน้าหนี และคิดในใจว่าทักษะนี้เขาพูดกันตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ทำไมถึงยังเป็นทักษะสำหรับอนาคตอยู่

แต่จากการศึกษาพบว่า 6 ใน 7 งานวิจัยกล่าวว่า ทักษะนี้เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต โดยเฉพาะงานวิจัยของ World Economic Forum ที่บอกว่า ทักษะนี้จะเป็น 1 ใน 3 ทักษะสำคัญในอนาคตเลยทีเดียว เนื่องจากในอนาคตระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์สามารถทำงาน Routine แทนเราได้หมด และสามารถประมวลข้อมูลต่าง ๆ แก้สมการที่ซับซ้อนได้ภายในเสี้ยววินาทีจนคนยังสู้ไม่ได้

อย่างเช่นข่าวดังในปี 2559  ที่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง “อัลฟาโกะ” (AlphaGo) สามารถล้มแชมป์เซียนหมากล้อม (Go) 9 ดั้ง (เป็นระดับสูงสุดของหมากล้อม) อย่างนายอี เซดอล ไปได้ 3-0 เกม

ดังนั้นในอนาคตเราจะไม่ได้แข่งกันด้วยความรวดเร็วในการทำงาน หรือการวิเคราะห์ข้อมูลอีกต่อไป แต่เราจะแข่งกันด้วยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง

คำว่า “Creative Conceptions” จึงหมายถึงความสามารถในการคิดสิ่งใหม่ ๆ โดยใช้นวัตกรรมและจินตนาการ เพื่อพัฒนาทางเลือกหรือสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา ซึ่งทำให้เราสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตและหลุดพ้นกรอบหรือข้อจำกัดต่าง ๆ ที่มีอยู่

เมื่อกล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว เหล่ามนุษย์ผู้ถนัดการใช้สมองด้านซ้ายหรือเชิงตรรกะอาจจะปาดเหงื่อกันระวิง เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับการใช้สมองซีกขวาหรือด้านความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ต้องกังวลไป ขึ้นชื่อว่าทักษะย่อยสามารถที่จะฝึกฝน และพัฒนากันได้

thought 2123970 340

วิธีพัฒนาเพื่อสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 3 วิธี

  1. ปรับความคิด คนส่วนใหญ่เวลาปักใจอะไรแล้ว สมองจะพยายามมองหาในสิ่งนั้น ๆ เสมอ อย่างเช่นเวลาที่เราคิดว่าเด็กผู้ชายต้องเตะบอล เราก็มักจะเห็นเด็กผู้ชายเตะบอลอยู่เสมอ เพราะสมองจะคอยบอกให้เรามองหาคนเตะบอลตลอด เช่นเดียวกัน หากเราคิดว่าเราเป็นคนไม่มีความคิดสร้างสรรค์ สมองก็จะพยายามไม่คิดอะไรที่แปลกแหวกแนวออกมา แต่หากเรามีความเชื่อว่าเราสามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ออกมาได้ เราจะเริ่มยอมรับความเสี่ยงและความล้มเหลว พร้อมที่จะคิดและทดลองอะไรใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นกระบวนการทางจิตวิทยาแบบหนึ่งคือการสร้างระบบความเชื่อและระบบความคิดที่ดี นอกจากนี้ยังควรฝึกคิดมุมกลับ ลองมองสิ่งที่มีอยู่ด้วยมุมมองที่ต่างออกไป ซึ่งจะทำให้ได้ความคิดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
  2. สร้างความรู้สึกสงสัย ความสงสัยเป็นบ่อเกิดของสิ่งใหม่ๆ ดังนั้นหากมีประเด็นต่างๆ ให้เราลองตั้งคำถามหลายๆ แบบเพื่อถามตัวเองเช่น ฉันจะจัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร ทำไมปัญหานี้ถึงเกิดขึ้น ทำอย่างไรไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น เท่านั้นยังไม่พอให้ลองถามตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เช่น ทำไมฉันถึงคิดจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ มีวิธีการอื่นที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อีกไหม หรืออาจจะลองถามตัวเองว่า ถ้าฉันเป็นคนอื่น ๆ ฉันจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยตั้งปัญหาถามตัวเองอาจจะต้องใช้วิธี 5 Why คือการถามตัวเองว่า ทำไม ซัก 5 ครั้ง หรือลองสวมหมวกเป็นคนอื่นเพื่อคิดถึงวิธีการแก้ไขปัญหาในหลาย ๆ มุมมอง วิธีการนี้จะทำให้เราเป็นคนช่างที่สังเกตและมองรอบด้านมากขึ้น ส่งผลให้ได้วิธีการที่หลายหลายและแปลกใหม่
  3. สร้างความหลากหลายในการคิด เวลาที่เราเจอปัญหาหรือประเด็นต่างๆ เรามักจะพยายามคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด บางคนอาจจะคิดได้ 1-3 วิธี แต่วิธีการนี้เราจะเน้นไปที่จำนวนไอเดียที่เกิดขึ้น โดยอาจจะไม่ต้องไปคำนึงถึงโอกาสที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะทำให้สมองเราเปิดกว้างและมองเห็นทางเลือกใหม่ ๆ มากกว่าเดิม เช่น หากถามว่าเที่ยงนี้เราจะไปกินอะไรดี เราก็คงจะคิดถึงร้านอาหารใกล้ ๆ หรือเมนูที่คุ้นเคย แต่หากเราพยายามคิดอะไรที่หลากหลายมากขึ้น เราอาจจะเจอร้านอาหารใหม่ หรือเมนูใหม่ที่เราเป็นคงรังสรรค์ขึ้นมา ใครจะไปรู้ นั้นอาจจะเป็นเมนูยอดนิยมในอนาคตเลยก็ได้

ทั้ง 3 วิธีที่เราเอามาฝากกันนั้น เป็นวิธีการง่าย ๆ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ หากเราฝึกทำบ่อย ๆ ก็จะเกิดความคุ้นชิน และสามารถคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วแน่นอนค่ะ