ไฟป่า ในฝั่งตะวันตกของสหรัฐ ที่ลุกลามเป็นวงกว้าง มาหลายสัปดาห์ สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เกิดไฟไหม้ป่ามากถึง 36 จุด กินพื้นที่มากกว่า 7.58 ล้านไร่ และมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่า
วีโอเอ รายงานว่า เมืองมอนโรเวีย และเมือง อาร์คาเดีย ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับ บริเวณเกิดไฟป่า ที่มีชื่อว่า Bobcat Fire ซึ่งกำลังลุกลามกินพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติแอนเจลิส ไปแล้วกว่า 83,000 ไร่ โดยต้นเพลิงเริ่มลุกไหม้ จากพื้นที่ใกล้เขื่อนคอคเวลล์ ทางเหนือของเมืองอาซูนา โดยเป็นหนึ่งใน 36 จุด ที่เกิดไฟป่าลุกลามในรัฐแคลิฟอร์เนีย
แม้เจ้าหน้าที่ผจญเพลิง จะระดมกำลังกว่า 800 นาย เพื่อเข้าควบคุมไฟป่าในบริเวณนี้ แต่ก็สามารถควบคุมได้เพียง ร้อยละ 6 ของพื้นที่ป่า ซึ่งไฟกำลังเผาผลาญอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่ประกาศว่า หากสถานการณ์ยังเลวร้ายแบบนี้ คาดว่าจะใช้เวลาควบคุมเพลิงได้เร็วที่สุด ประมาณสิ้นเดือนตุลาคม นอกจากนี้ ยังห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่อย่างเด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ ทางการท้องถิ่น ได้สั่งอพยพผู้คนแถบฝั่งตะวันตก ของเมืองอาร์คาเดีย และ เซียร์ร่า มาเดร ที่อยู่ติดกับแนวชายป่า และเสี่ยงต่อการลุกลามของไฟ ไปอยู่ในที่ปลอดภัย และสถานที่พักพิงชั่วคราวแล้ว
ขณะที่ ไฟป่า ที่เผาผลาญในเขตพื้นที่ป่าสงวน ซานเบิร์นนาดิโน่ เมาเทนส์ ที่มีชื่อเรียกว่า เอล โดราโด้ ไฟร์ (El Dorado fires) ที่อยู่ห่างออกไป ทางตะวันตกเฉียงใต้นั้น รายงานข่าวแจ้งว่ามีพื้นที่เสียหายไปแล้วประมาณ 36,000 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้ราวร้อยละ 41 เท่านั้น
ไฟป่าบริเวณนี้เจ้าหน้าที่พบว่า สาเหตุเกิดจากการ จัดปาร์ตี้ เพื่อแจ้งเพศเด็กในครรภ์ ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น แล้วมีการจุดประทัดจนเกิดประกายไฟ และทำให้ไฟลุกลามจนเกินจะควบคุม ล่าสุดได้สั่งอพยพผู้คนแล้ว 3,000 คน ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่รัฐแอริโซนา เมื่อปี 2561 ที่ทำให้ผืนป่าเสียหายถึง 113,817 ไร่
ไฟป่า หนักกว่าปีก่อน 26 เท่า
ข้อมูลในภาพรวมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ป่ากินพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 7.58 ล้านไร่ ทำลายสถิติมากที่สุด และรุนแรงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ถึง 26 เท่า ซึ่งทางการแคลิฟอร์เนียระดมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 16,750 นาย ไปยัง 29 จุดใหญ่ เพื่อควบคุมไฟป่า และต้องทำงานอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าแล้ว 22 คน และมีบ้านหรือ อาคารเสียหายไป 4,100 แห่ง รวมจำนวนผู้เสียชีวิตจากไฟป่า ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐ ทั้งหมด 33 คน
คุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก
จากการสำรวจ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดภาวะมลพิษจากควันไฟปกคลุม ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่นครซานฟรานซิสโก และเขตเบย์ แอเรียที่ เกิดปรากฎการณ์ท้องฟ้าสีส้ม ทำให้ผู้คนให้ความสนใจติดตามสถานการณ์ โดยมีรายงานว่า มีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันวัดค่าคุณภาพอากาศ AQI หรือ Air Quality Index กว่า 600,000 ครั้งภายในวันเดียว
ขณะที่รายงานดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศอยู่ในขั้นเลวร้ายหลายเมือง โดยเฉพาะเมืองพาราไดซ์ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ดัชนีขึ้นไปถึง 592 ซึ่งเกณฑ์ดีอยู่ที่ 0=50 เท่านั้น
ส่วนสถานการณ์ ไฟป่าที่รัฐโอเรกอน ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ผืนป่าถูกทำลายไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านไร่ มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ไฟไหม้บ้าน 100 หลัง ทางการสั่งอพยพหนีไฟ 40,000 หลังคาเรือน ส่วนรัฐวอชิงตัน ไฟป่าเผาผลาญแล้วเกือบ 1.6 ล้านไร่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย’ ลามหนัก เผาพื้นที่นับล้านเอเคอร์ ฟ้าผ่าหลายพันครั้ง
- ‘เฮอริเคนลอรา’ ถล่มลุยเซียนา ทำโรงงานเคมีไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทางการสั่งคนอยู่แต่ในบ้าน
- ‘แคลิฟอร์เนีย’ ประกาศภาวะฉุกเฉิน รับมือไฟป่าหลายร้อยจุด
