คำถามแรกๆ ที่ทั้งนักลงทุนมือใหม่-มือเก๋า ต้องตอบให้ได้ก่อนเลือกลงทุนหุ้นสักตัว ก็คือราคาของหุ้นตัวนั้น ถูกหรือแพงไปหรือเปล่า ? แน่นอนครับว่าอัตราส่วนทางการเงินอย่าง P/E Ratio คือ เครื่องมือยอดนิยมที่หลายคนคุ้นเคยกันดี
P/E Ratio คืออะไร ใช้ยังไง
P/E ย่อมาจาก Price/Earning Per Share หรือ ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน หารด้วย กำไรสุทธิต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับกำไรสุทธิต่อหุ้น เช่น หุ้น A ราคา 10 บาท มีกำไรต่อหุ้น 1 บาท ดังนั้น P/E เท่ากับ 10 เท่า โดยค่า P/E ที่คำนวณได้ แสดงให้เห็นว่าหากบริษัทมีกำไรต่อหุ้นคงที่ไปเรื่อยๆ และเมื่อเราเข้าลงทุนหุ้นตัวนั้นที่ราคาเท่านี้ จะใช้เวลากี่ปีถึงจะคืนทุน ทั้งนี้ เราสามารถใช้ P/E เป็นตัวช่วยวิเคราะห์มูลค่าหุ้นได้ ด้วยการเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม, ค่าเฉลี่ยตลาด หรือหุ้นตัวอื่นๆ ที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน
ตัวอย่างเช่น หุ้น A และ B ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน
หุ้น A ราคา 100 บาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 20 บาท
P/E = 100/20 = 5 เท่า
หุ้น B ราคา 10 บาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.1 บาท
P/E = 10/0.1 = 100 เท่า
จะเห็นว่าถ้ามองเผินๆ ดูเฉพาะราคาหุ้น เราก็คงคิดว่าหุ้น B นั้นถูกกว่าหุ้น A แต่เมื่อเจาะลึกลงไปที่มูลค่าจริงๆ กลับกลับเป็นหุ้น A ที่มีมูลค่าถูกหุ้น B
ข้อควรระวังในการใช้ P/E วิเคราะห์หุ้น
อย่างไรก็ดี ก็ใช่ว่าหุ้น P/E สูงๆ จะน่าสนใจน้อยกว่า P/E ต่ำเสมอไป เพราะอะไรนั้นลองมาดูเหตุผลกัน
1. แต่ละอุตสาหกรรมมีธรรมชาติที่แตกต่างกัน เราไม่ควรเปรียบเทียบ P/E ข้ามอุตสาหกรรม เพราะแต่ละอุตสาหกรรมย่อมมีธรรมชาติของธุรกิจ และค่าเฉลี่ย P/E Sector ที่แตกต่างกัน เช่น
2. P/E ต่ำไม่ได้แปลว่าหุ้นถูกเสมอไป เพราะอย่างหุ้น Growth Stock หรือเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดี Market Cap ขนาดใหญ่ ก็มักจะมี P/E สูงเป็นปกติตามความคาดหวังของตลาด แต่ค่า P/E ก็ไม่เกินกว่าการโตของกำไร เช่น คาดว่ากำไรจะโตปีละ 20% ค่า P/E ก็ไม่ควรเกิน 20 เท่า
นอกจากนี้ เราสามารถใช้่า P/E วิเคราะห์เบื้องต้นได้ แต่อย่าลืมใช้ปัจจัยอื่นๆ พิจารณาประกอบด้วย เช่น งบการเงิน การเติบโตทางธุรกิจ ปัจจัยความเสี่ยง ผู้บริหาร และภาวะเศรษฐกิจ เป็นต้น
อ่านข่าวพิ่มเติม
- หุ้น’ปูนใหญ่’ กลับมาคึกคัก…เมื่อหุ้นลูกตบเท้ารอเข้าตลาด
- ภาพใหม่ ‘อิชิตัน’ หุ้นเทิร์นอะราวด์แห่งปี
- ราชกิจจาฯ ประกาศลดเงินสมทบ ‘ประกันสังคม’ เหลือ 2% นาน 3 เดือน