COVID-19

‘จีน’ ชู ‘วัคซีนโควิด-19’ เครื่องมือสานสัมพันธ์ ‘อาเซียน’

ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีน และหลายประเทศในอาเซียน อยู่ในภาวะตึงเครียด เนื่องจากข้อพิพาทพื้นที่ทางทะเล ในทะเลจีนใต้ ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ รัฐบาลกรุงปักกิ่ง เริ่มชูข้อเสนอที่หลายฝ่ายไม่อาจปฏิเสธได้ เพื่อช่วยรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัส ที่อาจทำให้คู่กรณีบางรายต้องยอมถอยไปแล้ว นั่นก็คือ วัคซีน โควิด – 19

จีนเพิ่งประกาศออกมาไม่นานมานี้ว่า โครงการพัฒนา วัคซีน โควิด -19 ของตนใกล้ประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ แล้ว และรัฐบาลกรุงปักกิ่งได้เริ่มทำสัญญากับหลายประเทศที่มีประโยชน์ด้านยุทธศาสตร์กับตนว่า จะเปิดโอกาสให้เข้าถึงวัคซีนนี้ก่อนใครๆ ด้วย

วัคซีน โควิด
ภาพ : สำนักข่าวซินหัว

คำสัญญาที่ว่านี้ถูกมองว่า เป็นความพยายามครั้งใหม่ของจีน ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งต่อจุดยืนของตนในเวทีโลก พร้อมๆ กับการลดกระแสต้านจากนานาประเทศในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ที่เป็นคู่กรณีประเด็นข้อพิพาทอธิปไตยด้วย

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศจีน ยืนยันกับฟิลิปปินส์ว่า จะได้สิทธิ์เข้าถึงวัคซีนของจีนก่อนใครๆ ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทยา ซิโนแวค (Sinovac) ของจีน เพิ่งลงนามข้อตกลงกับบริษัทยา PT Bio Farma ที่รัฐบาลอินโดนีเซียเป็นเจ้าของ ว่าจะส่งมอบวัคซีนจำนวน 250 ล้านโดสให้ในแต่ละปี

ทั้งเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้ หยาง เจียจื้อ หัวหน้าทีมงานด้านต่างประเทศ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เดินทางเยือนเมียนมา และสัญญาว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งจะให้เมียนมามีสิทธิ์เข้าถึงวัคซีนจีนได้เป็นรายแรกๆ เช่นกัน

เกรกอรี โพลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ และนานาชาติ ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน บอกกับ วีโอเอ ว่า ไม่ว่าประเทศใด ในอาเซียนจะรู้สึกอย่างไรกับจีน และกับประเด็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ การต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 คือเรื่องที่สำคัญที่สุด และถ้าวัคซีนของจีน คือความหวังที่ชัดเจนที่มีสิทธิ์เข้าถึง ทุกคนก็คงทำทุกอย่างที่ต้องทำ เพื่อให้ได้วัคซีนนี้มาอยู่ในมือ

ขณะเดียวกัน ลอว์เรนซ์ กอสติน ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายสาธารณสุขโลก แห่งมหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน ให้ความเห็นกับ วีโอเอ ว่า ตนกังวลเกี่ยวกับการที่จีนใช้วิธีเลือกประเทศที่ตนพึงพอใจ ให้เป็นผู้เข้าถึงวัคซีนเป็นรายแรกๆ เพราะนั่นอาจหมายถึง การที่จีนเอาประโยชน์ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ และทางทหารของตนเป็นที่ตั้ง ทั้งๆ ที่ วัคซีนซึ่งสามารถช่วยชีวิตคนได้นี้ไม่ควรถูกนำมาผูกกับเรื่องอิทธิพลหรือผลประโยชน์ทางการเมืองเลย

ทั้งนี้ กรณีท่าทีแข็งกร้าวของจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ที่ผ่านมา ทำให้หลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ และร้องเรียนกันมากมายแล้ว และ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประกาศเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า การที่จีนหาประโยชน์จากทรัพยากรในภูมิภาคนี้ ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งคณะผู้แทนออสเตรเลีย ก็เลือกใช้คำพูดแบบเดียวกัน ในแถลงการณ์ที่นำเสนอต่อสหประชาชาติด้วย

วัคซีน โควิด
ทะเลจีนใต้ (ภาพ: สำนักข่าวซินหัว)

ทางด้านกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเอง ก็เริ่มแสดงทีท่าที่ชัดเจนมากขึ้น หลังอินโดนีเซียเปิดเผยเมื่อช่วงต้นปีว่า กำลังเตรียมจัดทำ “จรรยาบรรณทะเลจีนใต้ สำหรับจีนและอาเซียน” เพื่อจัดการพฤติกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับข้อพิพาทนี้ โดยเวียดนาม ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีการปะทะกันกับกองทัพจีนอย่างซึ่งหน้าด้วย

โพลิง จาก ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ และนานาชาติ กล่าวว่า จุดยืนของเวียดนามในเรื่องนี้ ทำให้รัฐบาลกรุงฮานอย เลือกที่จะไม่สนใจวัคซีนจีน และหันไปสั่งวัคซีนจำนวนมากจากรัสเซียแทน

แต่สำหรับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน วัคซีนของจีนยังคงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลหลายแห่งเลือกที่จะมีท่าทีอ่อนข้อให้รัฐบาลกรุงปักกิ่ง เช่น กรณีของอินโดนีเซีย ซึ่งสื่อท้องถิ่นและประชาชนแสดงความรู้สึกมั่นใจ ที่จะสนับสนุน จนรัฐบาลกรุงจาการ์ตา ไม่ได้ออกหน้าแทนอาเซียน เจรจากับจีนประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ ดังที่หลายประเทศสมาชิกหวัง

ในกรณีของฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต้ ซึ่งมีปัญหาความนิยมตกต่ำสุด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศมา เนื่องจากปัญหาการรับมือโควิด-19 ตัดสินใจเลือกไม่เผชิญหน้ากับจีนกรณีข้อพิพาทนี้ และขอให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง พิจารณาให้ฟิลิปปินส์ มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนจีนเป็นประเทศแรกๆ แทน

แต่ไม่ว่าประเทศใดจะมีเหตุผล และท่าทีเช่นใด หวง ย่านจง นักวิจัยจาก Global Health at the Council on Foreign Relations ซึ่งตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก เห็นด้วยกับการที่จีนมีมิตรไมตรีเสนอความช่วยเหลือด้านวัคซีนให้กับประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า เรื่องนี้ยังมีความเสี่ยงที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งควรพึงระลึกอยู่ ซึ่งก็คือ จีนจะไม่สามารถควบคุมความเสียหายต่อภาพพจน์ของที่พยายามสร้างขึ้นมาได้เลย หากวัคซีนของตนใช้ป้องกันโควิด-19 ไม่ได้จริง

ที่มา : วีโอเอ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo