Business

ชู ‘อุตสาหกรรม S-Curve’ ขับเคลื่อนประเทศ ยกระดับรับ New Normal

อุตสาหกรรม S-Curve อาหาร-การแพทย์ กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ “สุริยะ” ลั่นเร่งยกระดับอุตสาหกรรมไทย สู่ 4.0 เร็วขึ้น รับยุค New Normal ให้ทัน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เตรียมแผนการดำเนินงาน เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทย เข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้เร็วขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะ อุตสาหกรรม S-Curve ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการยุคใหม่ ที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

อุตสาหกรรม S-Curve

 

ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรม จะเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย หลังแนวโน้มภาคอุตสาหกรรม ในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัว อุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร และการแพทย์ จะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตามความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เกิดการลงทุน และการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ในขณะที่อุตสาหกรรมหลักอื่น จะค่อย ๆ ฟื้นตัว ตามการผ่อนคลายมาตรการ และการใช้จ่ายภายในประเทศที่ดีขึ้น เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนและยานยนต์ อุตสาหกรรม ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในต่างประเทศ ที่ยังคงน่าเป็นห่วง พฤติกรรมการบริโภคทั่วโลก มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิม มีการบริโภคสินค้าคงทนที่ลดลง ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ในขณะที่การบริโภคสินค้าอุปโภคบริโภค กลับเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นสินค้า ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ภาคอุตสาหกรรม จึงจำเป็นต้องยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงนี้ให้ทัน และใช้โอกาสจากวิกฤติในครั้งนี้ ดึงนักลงทุนต่างชาติ เข้ามาสร้างฐานการผลิตในไทย

นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาด ของไวรัสโควิด-19 ยังเป็นตัวเร่งให้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ถูกนำมาใช้ ประกอบการทำงานและชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคจำเป็นต้องปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภค เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่คาด

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ดังนั้น ภาคอุตสาหกรรม จึงจำเป็นต้องยกระดับ ให้สามารถตอบสนอง ต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงนี้ให้ทัน และต้องเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตต่อไป ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทย ต้องยกระดับเข้าสู่ อุตสาหกรรม 4.0 ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม มีการมุ่งใช้เทคโนโลยี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างนวัตกรรม ที่ตอบสนองต่อความต้องการ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์

“โดยเฉพาะในสถานการณ์ต่างประเทศ ที่นักลงทุนต้องการย้ายฐานการผลิต เพื่อกระจายความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องเร่งจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุน ในอุตสาหกรรมเป้าหมายต่าง ๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้แก่แรงงาน เพื่อรองรับการทำงาน ในยุค อุตสาหกรรม 4.0 ” นายสุริยะ

ด้าน นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวเสริมว่า การยกระดับอุตสาหกรรมเข้าสู่ อุตสาหกรรม 4.0 จะเป็นการนำเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยในการทำงาน ผ่านการเชื่อมโยงเครือข่ายอัจฉริยะ พร้อมนำข้อมูลการทำงานไปวิเคราะห์ และประมวลผล สู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ทั้งนี้ จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมการผลิตทำงานได้รวดเร็ว ยืดหยุ่น และสามารถผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มศักยภาพให้อุตสาหกรรมไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ประกอบกับสถานการณ์ต่างประเทศ ที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในฐานการผลิตสำคัญ รวมทั้งสถานการณ์สงครามการค้า ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลกต้องชะงักลง

อุตสาหกรรม S-Curve

ขณะที่ อุตสาหกรรมบางประเภท ขาดชิ้นส่วนการผลิต เกิดปัญหาทางด้าน การขนส่ง สินค้าและวัตถุดิบ ทำให้ผู้ประกอบการหลายราย เริ่มทบทวนแผนการผลิตใหม่ และมีความต้องการ ย้ายฐานการผลิต เพื่อกระจายความเสี่ยง นับเป็นโอกาสของประเทศไทย ที่จะดึงดูดผู้ให้ประกอบการ เข้ามาลงทุนในไทย

สำหรับประเทศไทย มีจุดแข็งทางด้านของ แรงงานที่มีฝีมือ และมีการควบคุมโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ดี สอดรับกับนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้สามารถรองรับอุตสาหกรรม ที่จะย้ายเข้ามาใหม่ได้

พร้อมกันนี้ ยังเน้นการพัฒนา เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การเตรียมความพร้อม ด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวก ที่สามารถรองรับการย้ายฐานการผลิต ของนักลงทุนต่างชาติได้ทันที

พร้อมกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ สศอ. เร่งจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น ๆ ต่อไป โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมอุปกรณ์ทางการแพทย์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo