Digital Economy

‘เอไอในเฮลท์แคร์’ มาแทนบุคลากรทางการแพทย์จริงหรือ

 

medic 563423 1280

การใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์กำลังเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายมองว่าถึงเวลาที่เหมาะสมไม่ต่างจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของข้อมูลอย่างรวดเร็ว และความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้รวดเร็วขึ้น แม่นยำมากขึ้น และทำได้ในราคาที่ไม่แพงเหมือนในอดีต

แต่ภาพของการใช้เอไอในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์จะเป็นอย่างไร จะเป็นการเข้ามาแย่งงานของบุคลากรทางการแพทย์หรือไม่ ดร. โทเบียส เซย์ฟาร์ท กรรมการผู้จัดการ และประธานบริษัท ซีเมนส์ เฮลทิเนียร์ส ประจำภูมิภาคอาเซียนอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถให้ภาพของการใช้เอไอในด้านการดูแลสุขภาพได้ดี

โดยสิ่งที่ ดร. โทเบียส ให้ทัศนะเกี่ยวกับโลกปัจจุบันคือ ผู้คนมีอายุยืนขึ้น แต่ในบรรดาคนที่อายุยืนนั้น แน่นอนว่ามีหลายคนที่ป่วยไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้ต้องการมีอายุยืนแต่นอนป่วยอยู่บนเตียง มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ต้องการมีอายุยืนอย่างสุขภาพดี และต้องการจะเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ว่าพวกเขาจะป่วยเป็นโรคอะไร เพื่อจะได้หาทางป้องกันไม่ให้เกิดโรคนั้น ๆ กับตัว

แต่เมื่อหันมามองภาพของระบบสาธารณสุขก็ต้องยอมรับว่า การจะดูแลผู้คนในระดับนั้นยังเป็นเรื่องที่ยากมาก อีกทั้งหลายประเทศพบว่า ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศของตนเองก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ แถมบุคลากรเหล่านั้นยังต้องแบกรับความคาดหวังจากคนไข้ว่าจะได้รับบริการที่ดีและมีคุณภาพด้วย

ดร. โทเบียส เซย์ฟาร์ท
ดร. โทเบียส เซย์ฟาร์ท

การนำเอไอเข้ามาปรับใช้จึงอาจเป็นทางออกของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งดร.โทเบียสเผยว่า มีหลายนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์เหนื่อยน้อยลง เช่น การใช้ Augmented Reality โดยมีเอไออยู่เบื้องหลัง เพื่อสร้างภาพจำลองของอวัยวะภายในร่างกายขึ้นมา  เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้เห็นภาพและวิเคราะห์ได้ว่าจะรักษาคนไข้อย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งกรณีเหล่านี้ สามารถลดความผิดพลาด และลดเวลาในการรักษาหรือการผ่าตัดให้สั้นลงได้ คนไข้ก็จะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

หรืออีกกรณีเป็นการใช้เอไอช่วยเลือกพื้นที่ในการสแกน MRI  ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่สามารถเลือกเป็นบางพื้นที่ที่เล็กมาก ๆ ได้ นอกจากนั้น เอไอยังสามารถช่วยรังสีแพทย์วิเคราะห์ได้ว่ามีความผิดปกติในอวัยวะนั้น ๆ อย่างไร ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัยของรังสีแพทย์มีความแม่นยำมากขึ้น

อีกกรณีเป็นการใช้เอไอในการคาดการณ์อนาคต ด้วยการวิเคราะห์จากบิ๊กดาต้า เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร การเดินทาง ความเครียด การทำงาน และนำมาคาดการณ์ว่า ตัวเราในอนาคตอีก 20 ปี (ยกตัวอย่าง) จะเป็นเช่นไร โดยโรคที่เหมาะสมสำหรับการทำงานของเอไอกลุ่มนี้คือ โรคมะเร็ง, โรคทางระบบประสาท เช่น อัลไซเมอร์ ซึ่งการที่เอไอสามารถคาดการณ์ได้นั้น อาจช่วยให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตตัวเองได้แต่เนิ่น ๆ

“เอ่ยถึงเอไอ หลายคนอาจนึกภาพของความไฮเทค การออกไปนอกโลก แต่เอไอก็ทำในเรื่องเล็ก ๆ ได้ เช่น การช่วยเครื่อง MRI ให้สามารถสแกนได้อย่างมีประสิทธิภาพบนอวัยวะที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ในร่างกาย” ดร.โทเบียซกล่าว

เขายังบอกด้วยว่า อนาคตการใช้เอไอในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากทุกวันนี้ โลกผลิตข้อมูลด้านเฮลท์แคร์เพิ่มขึ้นถึง 48% ต่อปี 

 

Avatar photo