“อนุดิษฐ์” ชู 3 นิ้ว กลางสภาไล่ “นายกรัฐมนตรี” ลาออก!! เหน็บเลิกฟังเสียงประจบ เลิกตีกอล์ฟทุกวันหยุด แนะเอาเวลาไปแก้ปัญหาบ้านเมืองจะดีกว่า
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กรุงเทพมหานคร และเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดหลักการและเหตุผลการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ว่า สถานการณ์ความน่าเป็นห่วงหลายเรื่อง ไม่ว่าจะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวอย่างรุนแรง เป็นผลให้เศรษฐกิจที่แย่มาตั้งแต่ก่อนหน้า รุนแรงมากขึ้น รวมถึงการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุน เกิดการหดตัวอย่างรุนแรง
ขณะที่ รัฐบาลมีความเปราะบาง ก่อหนี้เงินกู้ขาดดุลงบประมาณสูงขึ้น และกู้เงินเพื่อใช้ในการเยียวยาแก้ปัญหา คาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะปี 2564 จะสูงถึง 58% หรืออาจมากกว่านั้น ซึ่งจะมีผลต่อความยั่งยืนทางการคลัง ขณะเดียวกันก็เกิดสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นมาแทรกซ้อน ซึ่งเป็นผลจากความไม่ชอบธรรม ในการเข้าสู่อำนาจ และจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็นไปเพื่อการสืบทอดอำนาจ จึงเกิดการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการข่มขู่คุกคามประชาชน ขอให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน และยุบสภาเพื่อคืนอำนาจ
แต่รัฐบาลก็ใช้กฎหมายข่มขู่คุกคาม มีการจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีมากอยู่แล้วเกิดความตึงเครียด ส่งผลให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยากยิ่งอยู่แล้ว ต้องทวีความยากขึ้นตามลำดับ ด้วยเหตุนี้จึงได้ร่วมกันลงชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร เสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป
ทั้งนี้ การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยขออย่าฟังคนรอบข้างที่ชอบประจบว่า บ้านเมืองไม่มีปัญหา เพราะโกหกทั้งนั้น และขอให้เลิกตีกอล์ฟทุกวันหยุด เอาเวลาไปแก้ปัญหาบ้านเมืองจะดีกว่า ซึ่งหลายปัญหาเคยพูดในสภาฯ แห่งนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และชี้ว่านอกจากจะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ก่อหนี้เยอะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยแล้ว ยังเป็นนายกรัฐมนตรีที่ทำให้เกิดการก่อม็อบ ทำให้เกิดการชุมนุมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ มีการรวมตัวกันของลูกหลานเยาวชนคนไทย ออกมาขับไล่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะเยาวชนมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง จึงออกมาชู 3 นิ้ว ผูกริบบิ้นสีขาวออกมาไล่
“ขออนุญาต ชู 3 นิ้ว เป็นคำมั่นสัญญาปฏิญาณตนต่อหน้าคนไทยทั้งประเทศว่า จะขอคืนอำนาจอธิปไตยกลับมาให้ประชาชน จะใช้รัฐสภาแห่งนี้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อหาทางออกของประเทศ ให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องของประชาชน และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐยุติความรุนแรง ยุติการคุกคาม ยุติการออกหมายเรียก และยุติรัฐธรรมนูญเผด็จการ กลับสู่การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. คืนอำนาจให้ประชาชน และขอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกหมายจับเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศทางการเมือง เปิดเวทีให้ลูกหลานเยาวชนเข้ามาเสนอข้อเรียกร้องผ่านตัวนายกรัฐมนตรี หยุดคุกคามแล้วเปลี่ยนเป็นคุ้มครอง หยุดปิดหูแล้วเปลี่ยนเป็นรับฟัง หยุดปิดกั้นแล้วนำเสนอทางออกร่วมกัน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอภิปรายถึงปัญหาการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ว่า การจัดเก็บภาษีที่คาดการณ์ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายถึง 3 แสนล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเกิดจากฝีมือของ พล.อ.ประยุทธ์และพวก ดึงประเทศให้จมลงในหนี้สินกองมหึมา เพราะการเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า ต้องกู้เงินชดเชยขาดดุลงบประมาณต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้หนี้สาธารณะอาจสูงเกินกว่า 60% ของจีดีพี เกินกว่าเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบ ไม่เช่นนั้น ต้องบอกประชาชนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ภาวะการล้มละลายทางการคลังของประเทศ
“ทำไมไม่มีใครยอมมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะจะนำไปสู่ความล้มละลายของประเทศหรือไม่ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณปี 2563 ถึง 2564 รายจ่ายประจำมีสัดส่วนเติบโต สูงกว่ารายจ่ายลงทุน ทำให้รัฐราชการเติบโตในเชิงปริมาณ ภาษีราษฎรเข้าไปอุดหนุนระบบราชการ ทำให้ประเทศไม่มีโอกาสได้ลงทุนอะไรใหม่ๆ อนาคตประเทศแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งตัวอย่างชัดเจนคือการขยายระบบราชการไปที่กองทัพ เช่น พระราชบัญญัติต่างๆ ที่ขยายอำนาจหน้าที่ของกองทัพ ส่งผลทำให้จำนวนข้าราชการกระทรวงกลาโหมมีจำนวนมากกว่า 3 กองทัพของในประเทศใหญ่ๆ ทำให้มีสัดส่วนจำนวนราชการสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ มีข้อเสนอ 4 ข้อ คือ
1.ลดรายจ่ายประจำ ลดจำนวนข้าราชการที่เกินความเหมาะสม จะได้เอาไปใช้จ่ายลงทุนผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ
2.กำหนดเป้าหมายของประเทศ สร้างฐานการผลิตใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของโลก
3.เปลี่ยนวิธีการงบประมาณใหม่ ต้องกำหนดเป้าหมายนำกระบวนการ ต้องมีตัวชี้วัดความสำเร็จของคุณภาพและผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน
4. ต้องเคารพอำนาจและสิทธิเสรีภาพของประชาชน จะทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีความเชื่อมั่น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ จะต้องเลิกใช้อำนาจข่มขู่คุกคามประชาชน และสนับสนุนให้ประชาชนมีรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเป็นผู้สร้างเอง
“ยืนยันว่าเป็นข้อเสนอที่เป็นความปรารถนาดี ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง และมีข้อเสนอข้อสุดท้าย ถ้าพล.อ.ประยุทธ์อยากจะช่วยเหลือคนไทยจริงๆ ทำง่ายนิดเดียว คือขอให้ลาออกไป ถ้ากล้าหาญเหมือนกับเยาวชนที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องในขณะนี้ เพราะหากประกาศลาออก ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นเกือบทั้งหมดในประเทศนี้ จะหายไปทันที และคนไทยทั้งประเทศจะปรบมือแสดงความยินดีกันทั้งประเทศ” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ปิดสวิตช์ แก้ ม.272! ส.ส. ‘ปชป.-ชาติไทยพัฒนา’ ถอนชื่อ ไม่ร่วม ‘ก้าวไกล’ แล้ว
- สรุปคำแถลง! รัศมีแข เปิดใจครั้งแรก แฉ ไฮโซแชมป์ วิ่งหนี หลังฟาดหน้า ยันไม่ได้ค่ารักษา!
- โควิดวันนี้ 9 ก.ย. ไทยเจออีก 1 เป็นชาวญี่ปุ่น หายกลับบ้านรวม 3,286 คน