Entertainment

พ่อรอง เล่านาทีบอกลา แม่ทุม เผยมีลางบอกเหตุ อยากให้ฟื้น แต่ปาฏิหาริย์ไม่มีแล้ว

เป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าของวงการบันเทิงไทย สำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของอดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ “แม่ทุม ปทุมวดี เค้ามูลคดี” ภรรยาของ “พ่อรอง เค้ามูลคดี” ที่เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 72 ปี หลังต่อสู้กับอาการป่วยจากโรค ALS (กล้ามเนื้ออ่อนแรง) และไทรอยด์เป็นพิษมานานร่วม 8 ปี

3 พ่อรอง แม่ทุม 6

ซึ่งเมื่อวานนี้ (7 ส.ค.) ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีรดน้ำศพ พ่อรอง เค้ามูลคดี และ ยุ้ย ปัทมวรรณ ก็ได้ออกมาเผยถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้บอกลาแม่และภรรยาผู้เป็นที่รัก โดย พ่อรอง เผยว่า “แม่ไปอย่างสบาย เมื่อเวลาตี 02:25 น. ก่อนที่แม่จะเสียทางครอบครัวได้ทราบสัญญาณมาก่อน เขารู้กันหมด แต่เขาปิดไม่ให้พ่อรู้ ก่อนที่แม่จะสิ้นลม พ่อก็บอกกับเขา ก็หอมแก้มเขา พ่อบอกว่า ‘พ่อรักแม่ที่สุด’ เมื่อสักครู่นี้ก็หอมแก้มเขาอีกครั้งหนึ่งตอนที่เขาแต่งหน้าเสร็จ และพ่อก็บอกกับเขาเหมือนกันว่า ‘แม่ไม่รักษาคำพูดกับพ่อเลยนะ แม่บอกว่าแม่จะไม่ทิ้งพ่อ แล้วแม่ทิ้งพ่อไปทำไม’ (น้ำตาซึม)”

“ก่อนแม่ทุมจะเสียชีวิตเพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่ห้องพระในบ้าน หลังพ่อสวดมนต์เสร็จ ก็นั่งสมาธิหลับตา อยู่ๆ ลูกสาวคนเล็กก็เข้ามาบอก พ่อไฟไหม้ พอลืมตาดู ก็เห็นไฟลุกที่พานหน้าพ่อเลย ยังงงว่าเกิดขึ้นได้ยังไง เพราะระหว่างเทียนที่ตั้งกับพาน มันอยู่ในห้องมาเป็น 10 ปี ก็ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้เลย ก็เลยแอบคิดว่าอาจจะเป็นลางบอกเหตุ”

3 พ่อรอง แม่ทุม 2

“สิ่งที่พ่ออยากจะทำเพื่อแม่ทุมหลังจากนี้ ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว แต่ถามว่าถ้าทำได้อยากจะทำอะไร พ้อก็อยากให้เขาฟื้น ซึ่งมันทำไม่ได้แล้ว ปฏิหาริย์มันไม่มีแล้ว ตอนนี้พ่อก็ทำได้แค่ทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด พยายามนึกว่าแม่ชอบอะไรเพื่อที่เราจะได้ทำให้เขา แฟนละครแฟนคลับต่างก็ชื่นชมในความรักของคุณพ่อและแม่ทุม เป็นคู่รักตัวอย่างของคนในวงการบันเทิง พ่อดีใจ ดีใจที่แม่เขาได้ทำความดีจนถึงวินาทีสุดท้าย และที่ทุกคนชื่นชมว่าเราเป็นคู่รักตัวอย่างมันไม่ได้มาจากพ่อเลย มันมาจากแม่ทุมทั้งนั้น”

“ส่วนเรื่องสุขภาพของพ่อ ไม่เป็นอะไรหรอกครับแค่วันนั้นพ่อพักผ่อนไม่เพียงพอ คุณหมอก็เตือนแค่เรื่องให้พักผ่อน และเร็วๆ นี้ก็มีคิวนัดไปตรวจหัวใจที่โรงพยาบาลภูมิพลเพื่อจะได้เช็กอีกครั้งว่าพ่อเป็นอะไรกันแน่”

3 พ่อรอง แม่ทุม 3

ทางด้าน ยุ้ย ปัทมวรรณ เผยว่า “ก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 วัน คุณแม่เริ่มมีอาการทรุด ทรุดเยอะมาก และตอนนั้นทางโรงพยาบาลก็คุยกับเราแล้วเหมือนกันว่าให้เราเตรียมพร้อมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสื้อผ้า เอกสาร หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ทางเราเลือกที่จะไม่บอกคุณพ่อ ขนาดเราไม่ได้บอกอยู่ดีๆ คุณพ่อก็วูบไปเลย จนวันนี้แหละค่ะคุณพ่อถึงเพิ่งจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าทำไมวันนี้เราถึงเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว คือเราก็ต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้เพราะเราเองก็เป็นห่วงคุณพ่อเหมือนกัน”

“ตอนแรกเราเองก็ไม่กล้าบอกคุณพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ตั้งใจว่าจะไม่บอก แต่จะบอกแค่ว่าคุณแม่ตรวจเจอนิ่วและก็คุณหมอพาลงไปผ่านิ่วออกเท่านั้นเอง ซึ่งเราไม่ได้บอกสัญญาณอะไรกับคุณพ่อมากกว่านั้น

3 พ่อรอง แม่ทุม 5

“ด้วยความที่คุณแม่อยู่โรงพยาบาลมานาน ประมาณ 7-8 ปี บวกกับโรคของคุณแม่เท่านี้มันก็ถือว่านานมากแล้วจริงๆ อวัยวะต่างๆ ของคุณแม่ไม่ค่อยทำงานแล้ว และช่วงหลังๆ คุณแม่ก็เริ่มไม่ถ่าย เริ่มไม่ปัสสาวะ เริ่มมีอาการตัวบวม ตัวเหลือง ความดันลดลง คือมันก็มีหลายๆ สัญญาณมากๆ ที่เขาบอกกันว่าไม่ค่อยจะโอเคแล้ว แต่คุณพ่อก็จะทราบแค่ว่าเป็นนิ่วเป็นอะไรค่ะ”

“ถามว่าคุณแม่ยังมีห่วงอะไรบ้างไหม เป็นเรื่องที่พูดยากมากค่ะเพราะตลอดเวลาคุณแม่เป็นคนที่ห่วงทุกคน ห่วงทุกคนในครอบครัวมากกว่าตัวเองโดยตลอด และด้วยความที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเราแทบจะไม่ได้สื่อสารกับคุณแม่เลย เนื่องจากคุณแม่เหมือนท่านไม่พูดไม่อะไรกับเรามาสักระยะหนึ่งแล้ว เราก็ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าคุณแม่คิดอะไร ดังนั้นเราก็เลยต้องใช้ช่วงเวลาสุดท้ายที่คุณหมอและพยาบาลให้เราอยู่กับแม่นี่ล่ะค่ะ คือเราก็พยายามบอกกับแม่ว่าแม่ไม่ต้องห่วง แม่ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ (น้ำตาคลอ)”

“คุณแม่เป็นต้นแบบในความสู้ค่ะ สู้มาจะ 8 ปีอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วโรคนี้อยู่ได้แค่ประมาณ 5 ปีสูงสุด คุณแม่สู้มาตลอด คุณแม่สู้ถึงที่สุดแล้ว เราก็เลยรู้สึกว่าเราแข็งแรงไม่ได้ครึ่งของคุณแม่เลยจริงๆ”

3 พ่อรอง แม่ทุม 4

3 พ่อรอง แม่ทุม 7

1 แม่ทุม พ่อรอง 2

1 แม่ทุม พ่อรอง 7

1 แม่ทุม พ่อรอง 8

Avatar photo