5. น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ หญิงคนสนิทของซินแสโชกุน 6. นางประนอม พลานุสนธิ์ เลขานุการของซินแสโชกุน 7.นางณิชมน แสงประภา ป้าของซินแสโชกุน เป็นมารดาของนายก้องศรัณย์ 8. นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ 9. น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล และ 10. นายโกวิท ช่วยสัตว์ เป็นจำเลย ที่ 1-10 ในฐานความผิดร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และพ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน ฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2534 และ พ.ศ.2545 และข้อหาอื่น พร้อมทั้งขอชดใช้เงินให้กับผู้เสียหายรวม 871 คน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
สืบเนื่องจาก เมื่อเดือนมกราคม-เมษายน 2560 จำเลยกับพวก ชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม บำรุงสมอง MASTERMIND อ้างว่าจะมีสิทธิได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยระบุให้สมาชิกชำระเงิน 9,700 บาทต่อคน แล้วจะได้อาหารเสริม 2 กระปุก พร้อมกับอ้างว่าสมาชิกจะมีสิทธิได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแถบเอเชียด้วย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง แต่กลับถูกลอยแพที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคดีพบมูลค่าความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท โดยจำเลยทั้ง 10 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
วันนี้ได้เบิกตัวจำเลยทั้งหมด มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาให้จำคุก น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน จำเลยที่ 2 รวม 871 กระทงๆละ 5 ปี เป็นเวลาทั้งสิ้น 4,355 ปี และปรับ 20,000 บาท ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และและร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้วให้จำคุกสูงสุด 20 ปี
โดยให้ปรับบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำเลยที่ 1 ด้วย เป็นเงิน 435,520,000 บาท และให้จำคุก น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ จำเลยที่ 5 นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ จำเลยที่ 8 รวม 871 กระทงๆละ 5 ปีเป็นเวลาทั้งสิ้น 4,355 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้วให้จำคุกสูงสุด 20 ปี ศาลยังมีสั่ง ให้จำเลยที่ 1,2,5,8, ชดใช้เงินคืนกับผู้เสียหายรวม 871 คน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นสำหรับผู้เสียหายแต่ละราย นับแต่วันฟ้อง ( 6 ก.ค.60) เป็นต้นไป
จนกว่าจะชำระเสร็จด้วย (มูลค่าประมาณ 51 ล้านบาทเศษ) และให้ยกฟ้องจำเลยที่เหลือ 3,4,6,7,9,10 เนื่องจากไม่พบความผิดว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจึงยกผลประโยชน์ให้