ชิม ช้อป ใช้ ดิจิทัล หนุนซื้อออนไลน์ ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ พบนายกฯ แนะสร้างภาคี อีคอมเมิร์ซ ดันตั้งสำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติ
ภาคธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ กว่า 25 คน เข้าร่วมประชุม workshop กับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยนำเสนอหลายประเด็นที่น่าสนใจคือ การจัด ชิม ช้อป ใช้ ดิจิทัล , ปั้นผู้ขายออนไลน์ , สร้างภาตีเครือข่ายอีคอมเมิร์ซ และ ตั้งสำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติ
นายธนาวัฒน์ มาลาบุปผา นายก สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันยอดขาย อีคอมเมิร์ซ เทียบกับมูลค่าค้าปลีกโดยรวมในประเทศไทยมีสัดส่วนแค่ประมาณ 2% ขณะที่ในจีน การค้าออนไลน์มีสัดส่วนถึง 24% ดังนั้นการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของไทย จึงมีโอกาสเติบโตเป็นสิบเท่าได้ ในอนาคตอันใกล้
ดังนั้นเพื่อพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย ให้เติบโตอย่างยั่งยืน สมาคมฯ เสนอภาครัฐให้การสนับสนุน โครงการปั้นผู้ขายออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมา ทางสมาคมฯ ได้ทำงานร่วมกับนักขายออนไลน์มือโปร สร้างผลงานพัฒนานักขายออนไลน์ เพิ่มรายได้จากศูนย์ เป็น 30,000 บาทต่อเดือน จำนวนมากกว่า 500 ราย
ทั้งนี้ หากมีการสนับสนุนจากภาครัฐ คาดว่าสามารถขยายผลได้อีกถึง 100 เท่า และเห็นผลใน 6 เดือน ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ให้ประชาชนอย่างยั่งยืน
นายผรินทร์ สงฆ์ประชา ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง NASKET กล่าวว่า อีคอมเมิร์ซ จะเป็นช่องทางสำคัญ ของสินค้าไทยในเวทีโลก ขณะที่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ของโลกมีแนวโน้มที่จะมีผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2-3 รายจะกุมตลาดถึง 80% ดังนั้นเพื่อส่งเสริม และพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย ตนจึงอยากเสนอให้มีการจัดตั้ง ภาคีอีคอมเมิร์ซ เพื่อคนไทย
ด้านนายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง TARAD.COM กล่าวว่า ภาครัฐควรออกนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการ หรือตัวกลาง ที่จะช่วยผู้ประกอบการไทย นำสินค้าไทย ออกไปบุกตลาดต่างประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์ ออกนโยบายสนับสนุนพิเศษออนไลน์
นอกจากนี้รัฐบาลควรทำโครงการ ชิม ช้อป ใช้ ดิจิทัล เพื่อส่งเสริมการซื้อสินค้าออนไลน์ และส่งเสริมภาคธุรกิจไทย ให้เข้าสู่ระบบการค้าออนไลน์มากขึ้น
นายศิวัตร เชาวรียวงษ์ นายกสมาคมโฆษณาดิจิทัลไทย กล่าวว่า ภาครัฐควรช่วยผู้ประกอบการไทย โดยการร่วมพัฒนาบุคลากร ที่มีความรู้เบื้องต้นทางด้าน อีคอมเมิร์ซ อยู่แล้วบ้าง หรือมีความสามารถ เอามาต่อยอด เพื่อช่วยให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น และขยายกลุ่มเครือข่าย กระจายตัวออกไปในธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนเอกชน ในการสร้างแพลตฟอร์ม เพื่อให้มีแพลตฟอร์ม ที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน สมาพันธ์โลจิสติกส์ไทย และ สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย ได้นำเสนอว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ มีศักยภาพสามารถสร้างรายได้ใหม่ ให้กับประเทศไทย ถึงสามแสนล้านบาท ต่อปี หากภาครัฐให้การสนับสนุนในสามด้าน คือ
1. จัดทำแผนพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ ให้เป็นรายได้หลัก ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
2. จัดตั้ง “สำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติ”
3. ออกมาตรการส่งเสริมความเข้มแข็ง ให้ผู้ประกอบการ เช่น ให้ซอฟต์โลน มาตรการภาษี และอื่น ๆ
ขณะที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุม สรุปได้ว่า การก้าวผ่านวิกฤติโควิด และวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งโลกไปให้ได้ ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่ควรจะมองไปในอนาคตที่ไกลกว่านั้น และควรจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เป็นโอกาส ที่จะนำพาประเทศไทย ให้ไปอยู่ในจุดที่ดียิ่งขึ้น
“นั่นคือเหตุผลที่ผมเชิญทุกท่านมาในวันนี้ เพื่อแบ่งปันมุมมอง ความคิด ในฐานะที่เป็นบุคคลที่สุดยอด ในภาคธุรกิจนี้ มีความรู้ความสามารถ และมีประสบการณ์ตรงมายาวนาน ผมอยากทราบว่า ท่านมีมุมมองหรือความคิดในการขับเคลื่อนภาคส่วนของท่านอย่างไร โอกาสของภาคธุรกิจของท่านเป็นอย่างไร อนาคต 3 ปีข้างหน้าภาคธุรกิจของท่านควรจะไปอยู่ที่จุดไหน อุปสรรคคืออะไร”
สำหรับเป้าหมายของนายกรัฐมนตรี คือ ต้องการเข้าใจประเด็นหลักๆ และเข้าใจโดยลึกจากการฟังตรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เมื่อเวลาพิจารณานโยบาย หรือโครงการที่หน่วยงานต่างๆ นำเสนอ เพราะจะทำให้สามารถตัดสินใจไปในแนวทางที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ของธุรกิจได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
