นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำ กปปส. ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้ารายงานตัวและรับมอบหมายงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ 50 นาที ก่อนให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายงานให้ติดตามผลงานที่รัฐบาลได้ทำไว้แล้ว และประสานงานแก้ไขปัญหาการรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนในทุกรูปแบบ ทั้งทางศูนย์ดำรงธรรม และอื่นๆ
หากปัญหาใดมีความเร่งด่วนก็จะสรุปส่งนายกฯ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ทำงานโดยตรง ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนเป็นต้นไป และนายกฯไม่ได้ระบุว่าให้ดูพื้นที่ กทม. เป็นพิเศษ แต่หากมีปัญหาในพื้นที่ใดก็สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้
“การแต่งตั้งครั้งนี้ อย่ามองว่าเป็นเรื่องการเมือง หรือเตรียมการเลือกตั้ง เพราะการเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ ไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวข้องกับการเมือง มีเพียงการทำงานเท่านั้น และผมได้พูดคุยกับคนในประชาธิปัตย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการมาครั้งนี้ก็ไม่มีปัญหาผิดใจอะไรกัน เอาเรื่องงานเป็นตัวตั้ง ซึ่งทางพรรคมีความเข้าใจ เพราะเป็นทางที่ผมเลือกแล้ว”นายพุทธิพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายพุทธิพงษ์ เป็นแกนนำ กปปส. และมีคดีความ หลายคนจึงมองว่าการมาครั้งนี้เป็นเพราะมีข้อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สามารถมองได้เช่นนั้น แต่ในเรื่องของคดีความ ทุกอย่างยังเป็นไปตามกระบวนการปกติ ตนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีเรื่องใดที่จะมาทำให้ตนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะวันนี้ยังถือว่าตนบริสุทธิ์ จึงไม่มีความกังวล เหมือนกับที่หลายๆคนยังทำงานปกติ เมื่อศาลยังไม่ตัดสิน
ส่วนจะมีการแต่งตั้งกปปส. ที่เหลืออยู่ได้แก่ นาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายชุมพล จุลใส มาร่วมงานกับรัฐบาลหรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวอย่าคิดว่าทุกคนต้องเหมือนกันหมด เพราะแต่ละคนก็มาเติมเต็มในตำแหน่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งการรับตำแหน่งครั้งนี้ ไม่มีเงื่อนไขผูกติดอะไรกับการที่พวกเราเป็น กปปส.
เมื่อถามอีกว่า การตัดสินใจครั้งนี้ จะไม่กลับไปพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า อาจเร็วไปที่จะตอบคำถามนี้ ยืนยันว่าตนเข้าใจมารยาททางการเมืองดี หากจะต้องกลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อลง ส.ส.เขต ซึ่งตอนเดินลงพื้นที่หาเสียงคงไม่เหมาะสม หากตนมีตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย จึงคิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า คงไม่กลับไปสมัคร ส.ส. เขต กับพรรคประชาธิปัตย์