Politics

‘ศรีสุวรรณ’ ยื่น ป.ป.ช. สอบ ส.ส. ตบทรัพย์ 12 ล้าน ติดกล้อง CCTV ศธ.

ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. ร้องสอบ ส.ส.คนดัง ตบทรัพย์เรียกรับเงิน 12 ล้านบาท บริษัทติดตั้งกล้องวงจรปิด โครงการ Safe Zone Schools กระทรวงศึกษาธิการ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนาย ศรีสุวรรณ ยื่น ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ กรณีคลิปเสียง ความยาวเกือบ 2 นาที ที่มีพฤติกรรมบ่งชี้ว่า เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.339

ศรี

สำหรับเสียงในคลิปดังกล่าว คล้ายเสียงของ ส.ส.คนดัง หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งกำลังเจรจาเรียกรับเงินจำนวน 12 ล้านบาท จากบริษัทที่รับติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี (CCTV) ในโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแลกกับการเคลียร์สื่อมวลชน และคนใหญ่คนโตในหลายวงการ เพื่อให้ยุตินำเสนอข่าวด้านลบของบริษัทดังกล่าว

การกระทำดังกล่าว หากพิสูจน์แล้วเป็นจริง ถือว่า เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และเป็นการทำลายสถาบันการปกครอง ในระบบประชาธิปไตยฯ ของไทยเลยทีเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.339 ฐานกรรโชกทรัพย์ และ ม.149 ที่บัญญัติว่า

“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 40,000 บาท หรือประหารชีวิต”

ศรี1

นอกจากนั้น ยังเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 อย่างร้ายแรง ในข้อ 8 และข้อ 9 ที่กำหนดว่า ส.ส.ต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็น หรือยินยอมให้ผู้อื่น ใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการ ที่อาจทําให้กระทบกระเทือน ต่อการปฏิบัติหน้าที่

อีกทั้งกรณีดังกล่าว ยังถือได้ว่าเป็นการขัดกัน ระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคล กับประโยชน์ส่วนรวม เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติใน ม.129 ประกอบ ม.128 ของ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 เพราะถือว่าเป็นการกระทําความผิด ต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือ ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ ในการยุติธรรมด้วย

ดังนั้น จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องรีบพิสูจน์ และดำเนินการไต่สวน และชี้มูลว่า มีความผิดจริงหรือไม่ อย่างไร

หากเป็นไปตามคลิปที่ปรากฏ ก็จะได้ส่งสำนวนให้อัยการ ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือ ศาลนักการเมือง พิพากษาลงโทษ ให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 ม.101 ประกอบ ม.98 ต่อไป

“กรณีนี้จะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งว่า การทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ว่าจะสามารถทำหน้าที่ได้ตรงไปตรงมาได้หรือไม่ด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo