Politics

โควิดระบาดซ้ำ ‘หมอธีระ’ อัดเปิดประตูแลกเงิน นโยบายสิ้นคิด ไม่เหมาะ!!

โควิดระบาดซ้ำ “หมอธีระ” จี้รัฐปฏิรูปการหาเงินเข้าประเทศ เน้นปลอดภัย ยั่งยืน บนขาตัวเอง อัดเปิดประตูแลกเงิน เป็นนโยบายสิ้นคิด ไม่เหมาะสม แนะต้องหยุดอย่างน้อย 6 เดือน แล้วค่อยประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า หลายความหวังที่เราเคยได้รับฟังมาก็ชัดเจนว่าไม่เป็นจริง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อากาศร้อน โรคระบาดจะดีขึ้นหรือหายไป… เห็นกันแล้วว่า ทุกประเทศ ไม่ว่าจะเขตร้อน เขตหนาว โดนกันหนักหนาอย่างถ้วนทั่ว หรือ จะเป็นเรื่องปล่อยให้ติดเชื้อเยอะ โอกาสตายน้อย และจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ในสังคม…

โควิดระบาดซ้ำ

เห็นกันแล้วว่า ถ้าไม่รีบควบคุมป้องกัน ระบาดเยอะ ตายเยอะ ระบบสุขภาพรองรับไม่ไหว จนตอนนี้ติดไปกว่า 25 ล้าน ตายไปกว่า 8 แสน โดยที่ยังไม่มีประเทศใดที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ที่จะสามารถป้องกันการระบาดได้

ล่าสุด ความหวังที่คนเคยพูดกัน เชื่อกันว่า คนที่ติดเชื้อแล้ว น่าจะมีภูมิคุ้มกัน และไม่ติดเชื้อซ้ำ… ตอนนี้เราเห็นกันแล้วว่า ไม่จริง คนที่ติดเชื้อแล้ว บางคนก็มีภูมิขึ้น บางคนมีภูมิขึ้นแล้ว ก็หายไปอย่างรวดเร็ว และบางคน ก็ไม่มีภูมิขึ้นเลย นอกจากนี้ ดันพบว่า คนที่ติดเชื้อแล้ว จะติดเชื้อซ้ำได้ เรียกว่า “Re-infection”

หากจำกันได้ ฮ่องกง เป็นทีมที่รายงานเคสแรก ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า มีการติดเชื้อซ้ำ โดยเป็นไวรัสต่างสายพันธุ์กัน จากนั้นไม่กี่วัน ก็มีรายงานจากเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ต่อด้วยอเมริกา และวันนี้ล่าสุด รายงานการติดเชื้อซ้ำที่พิสูจน์ชัดเจนใน ประเทศเอกวาดอร์ …

ทำให้ทราบได้ว่า ปรากฏการณ์ติดเชื้อซ้ำ เป็นได้ทุกทวีป และน่าจะเกิดได้บ่อยกว่าที่เราคาดคิด

ยิ่งหากเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นรูปแบบ การใช้ชีวิตเดิมที่เราคุ้นชินกัน ตั้งแต่เริ่มยุคโลกาภิวัตน์ (Globalization)… การแพร่ระบาดของไวรัสโรค COVID-19 ก็ยิ่งกระจายไปได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น

ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่เคยคุมได้ในศึกแรก และนานกว่าไทย ก็พลาดท่า เพลี่ยงพล้ำให้กับไวรัสในยกสอง จนสะบักสะบอมกันยาวนานหลายเดือน และยังระบาดต่อเนื่องจนทุกวันนี้ ก็เพราะ การเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ และการปลดล็อคให้ใช้ชีวิตเสรี จนเลยเถิด ประมาท ไม่ได้ป้องกันอย่างดีพอ

เกาหลีใต้นั้น ล่าสุด เจอระลอกสอง ทั้งจากกิจกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ รวมถึงการรวมกลุ่มในโบสถ์ และการชุมนุมทางการเมือง ตัวเลขติดเชื้อรายวัน สามหลักมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เมืองหลวงเริ่มมีปัญหาเตียงปริ่มๆ จะไม่เพียงพอที่จะรับผู้ป่วยแล้ว

ในขณะที่ไทยเรานั้น ตอนนี้ข้าศึกประชิด และรายรอบ พร้อมจะจู่โจมได้ทุกเมื่อ เหลือแต่รอเวลาว่า กองทัพไวรัสนั้นจะหาตัวแม่ทัพได้เมื่อไหร่ ก็พร้อมจะเข้ามาได้เสมอ

โควิดระบาดซ้ำ

ยังไม่หนักใจ สำหรับนักบริหาร ลองแง้มประตูให้ข้างนอก เข้ามาในประเทศได้หลากหลายกลุ่ม ตามที่กำหนด… ความเสี่ยงย่อมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนที่เข้ามา… และเริ่มปรากฏให้เห็น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่า จะเป็นรายงานเคสสงสัย และเคสที่ติดเชื้อ ทั้งจากกลุ่มนักธุรกิจนักลงทุน รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติและคนติดตาม

เชื่อในใจลึกๆ ว่า ประชาชนทุกคนคงไม่คิดจะตำหนิติเตียนใดๆ หากการเปิดรับเข้ามานั้น เปิดเฉพาะกลุ่มที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดเท่านั้น เช่น การรับคนไทยกลับบ้าน หรือครอบครัวของคนไทย หรือกลุ่มแรงงานประเภทที่ไทยเราขาดเค้าไม่ได้จริงๆ

แต่การเปิดประตูประเทศเพื่อหวังจะหาเงิน โดยแลกกับความเสี่ยงในการนำเข้าการติดเชื้อจากต่างประเทศนั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด รูปแบบใด ท่ามกลางสถานการณ์การติดเชื้อระบาดรุนแรงทั่วโลกเช่นนี้ โดยมีตัวอย่าง ของนานาประเทศที่ระบาดซ้ำรุนแรง แถมความหวังที่เคยมีในเรื่องต่างๆ ข้างต้นนั้นไม่เป็นจริงตามที่หวัง… นโยบายลักษณะเปิดประตูแลกเงินนั้น ดูจะเป็นนโยบายที่สิ้นคิด และไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

หาก โควิดระบาดซ้ำ ขึ้นมา เงินที่ได้มาจากการนั้น จะเป็นเม็ดเงินเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับค่าเสียหายมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จะเกิดขึ้นจากการระบาดซ้ำ ยังไม่นับรวมการเสียชีวิตของประชาชนในสังคม ไม่ว่าจะกี่คนก็ประเมินค่าไม่ได้เลย

ฟองสบู่ท่องเที่ยว…จำเป็นต้องยุติไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน แล้วจึงค่อยประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

สิ่งที่ต้องทำคือ ปฏิรูปการหาเงินของประเทศ ที่เน้นความปลอดภัย ยั่งยืน ยืนบนขาตนเองและบนทรัพยากรของประเทศ ลดการพึ่งพาต่างชาติ

ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง…นี่เป็นกุญแจสำคัญที่เราทุกคนได้รับพระราชทานจากในหลวง ร.9 เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติครั้งนี้

#ใส่หน้ากากเสมอ #ล้างมือบ่อยๆ #อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร #พูดน้อยลง #พบปะคนน้อยลงสั้นลง #เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร #คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว #หากไม่สบายให้หยุดเรียนหยุดงานและรีบไปตรวจรักษา

ประเทศไทยต้องทำได้…

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK