Business

ธุรกิจออนไลน์ โกยเงินให้ปัง สร้างคอนเทนต์ให้เปรี้ยง ด้วยกลยุทธ์ ‘รู้’

ธุรกิจออนไลน์ ยังแรงได้อีก สรรพากร เปิดกลยุทธ์ “รู้” สร้างคอนเทนต์โดนใจลูกค้า พร้อมเทคนิคจัดการภาษีง่ายๆ ด้วยตัวเอง ช่วยผู้ค้าออนไลน์

เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ยังแรงต่อเนื่องสำหรับ “ธุรกิจออนไลน์” โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แถมยังช่วยให้การขายของสามารถเชื่อมต่อกับผู้คน ได้ทุกที่ทั่วโลก

ธุรกิจออนไลน์

แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ทำการค้าออนไลน์ กลับคิดไม่ถึงและมองข้ามไปนั่นก็คือ “การจัดการภาษี” ซึ่งพบปัญหา ทั้งการเริ่มต้นยื่นภาษี เอกสารที่จำเป็นต้องใช้ การจะยื่นภาษีว่าต้องใช้แบบใด การเลือกระบบบริหารจัดการ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ บรรดาผู้ค้าออนไลน์หลายราย ยังไม่รู้แม้กระทั่งว่า การทำธุรกิจดังกล่าว ต้องมีการเสียภาษีด้วย

กรมสรรพากร ได้จัดสัมมนา “ยอดขายออนไลน์ปัง มาฟังเรื่องภาษี” ขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อแนะแนวทางเกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ควบคู่กับการบริหารภาษี พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องว่าจริง ๆ แล้ว เรื่องภาษีไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่คิด

ถนอม เกตุเอม เจ้าของเพจ TaxBugnoms เพจที่ให้ความรู้เรื่องภาษีในรูปแบบภาษาที่เข้าใจง่าย ได้ให้กลยุทธ์ 3 “รู้” สำหรับผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ ว่า

  • รู้รายได้

ผู้ค้าออนไลน์ ควรจะทราบถึงรายได้ของตนเองก่อน ว่ามีรายได้เข้ามาจากทางใดบ้าง และมีหลักฐานที่มาของรายได้อย่างไร เพื่อที่จะได้ทราบว่า ควรจะยื่นภาษีเงินได้ในประเภทใด เพราะในแต่ละประเภท ก็มีอัตรา ในการเสียภาษี และวิธีการคำนวณภาษี ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับรายได้ของผู้ค้าออนไลน์ จะเป็นประเภท 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร

  • รู้รายจ่าย

ต้องทราบว่าในแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ อาจจะเคยได้ยินการเลือกคิดภาษีได้ 2 แบบ ได้แก่ การคิดจากค่าใช้จ่ายแบบเหมา และการคิดภาษีจากค่าใช้จ่ายแบบตามจริง ซึ่งเป็นรายจ่ายที่ต้องมีหลักฐานแน่นอน ดังนั้น การเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ

  • รู้ลดหย่อน

เพื่อรักษาสิทธิของผู้ค้าออนไลน์เอง โดยควรจะกลับไปตรวจสอบว่า ตนเอง สามารถลดหย่อนภาษี ในส่วนใดได้บ้าง เช่น ลดหย่อนภาษีจาก (การดูแลบิดา มารดา บุตร) ลดหย่อนจากการใช้จ่าย ตามนโยบายของรัฐ การลดหย่อนจากการออมหรือการลงทุน การลดหย่อนจากการบริจาค ซึ่งก็จะช่วยให้ค่าใช้จ่ายภาษีลดน้อยลงได้อีก

7รู้ 1

อีกหนึ่งคำถามสำคัญ สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าออนไลน์ หรือธุรกิจอื่น ๆ ที่ใช้ช่องทางออนไลน์นั่นคือ “จำเป็นหรือไม่ที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม”

กรมสรรพากรแนะนำว่า ควรจะต้องจดเมื่อมีรายได้ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี แต่ต้องดูตามความเหมาะสมด้วยว่า มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด ในการจัดตั้งบริษัท เพราะหากดำเนินธุรกิจด้วยตนเองเพียงผู้เดียว ก็อาจกลายเป็นการเสียภาษีซ้ำซ้อน นั่นคือการเสียภาษี ทั้งรูปแบบเงินได้บุคคลธรรมดา และเงินได้นิติบุคคลด้วย

อีกหนึ่งอาวุธที่สำคัญ และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์ก็คือ “การสร้างคอนเทนต์” ที่จะสร้างอย่างไรให้โดนใจ และเพื่อตอบทุกความต้องการของลูกค้า

พงษ์ปิติ ผาสุขยืด ผู้ก่อตั้งเพจ Ad Addicts ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด และคอนเทนต์ได้เผยทริค “รู้” เช่นกับ เพื่อเป็นแนวทางโกยเงิน และเป็นไอเดียให้ผู้ค้าออนไลน์ได้ไปสร้างคอนเทนต์เพื่อยอดขายปัง คือ

  • รู้จักตัวเอง สำคัญที่สุด คือต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าจะทำอะไร มีจุดเด่น และจุดแข็งที่แตกต่างอย่างไรกับอีกหลาย ๆ ตัวเลือกในท้องตลาด และเราต้องการทำคอนเทนต์ในการสื่อสารออกไปเพื่ออะไร
  • รู้จักคู่แข่ง ต้องรู้จักอย่างลึกซึ้งว่าคู่แข่งมีจุดแข็งตรงไหน และมีจุดอ่อนอะไร ซึ่งไม่จำเป็น ต้องดูแค่เพียงคู่แข็งในกลุ่มธุรกิจเดียวกับเรา และต้องมองหาโอกาสที่เป็นช่องว่างในตลาดว่าธุรกิจ
  • รู้จักกลุ่มลูกค้า การรู้จักลูกค้า ถือเป็นแต้มต่อสำคัญของการดำเนินธุรกิจออนไลน์ ที่จำเป็น ต้องรู้เร็ว ยิ่งรู้ก่อน ก็จะทำให้เราสร้างคอนเทนต์ และผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ไวกว่า ก่อนจะไปสังเกต ทั้งพฤติกรรม ความต้องการ และทัศนคติของลูกค้าเพื่อให้ขายได้ตรงจุด
  • รู้จักสภาพแวดล้อม ต้องไปมองดูว่าลูกค้าของเราอยู่ในที่ใด ช่องทางออนไลน์ใด ที่กลุ่มลูกค้าของเราใช้งานมากที่สุด เพราะช่องทางนั้น ๆ จะเป็นตัวกำหนดการ สร้างคอนเทนต์ ว่าควรสร้างคอนเทนต์แบบใดให้เหมาะสม

เมื่อรู้จักทั้ง 4 รู้แล้ว ต้องไม่ลืมว่า การสร้างคอนเทนต์ควรทำอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาปรับเปลี่ยน ไปเรื่อย ๆ อย่ายึดติดกับการทำ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และที่สำคัญ อย่าลืมดูผลตอบรับ จากกลุ่มคนที่เราสื่อออกไป ว่ามีการตอบรับคอนเทนต์ของเรา ในแง่บวก หรือลบ เพื่อให้ได้ทั้งคอนเทนต์ที่ตรงจุด และตรงใจมากยิ่งขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo