“ออสเตรเลีย” เผยผลทดลอง วัคซีนโควิด-19 ด้วยเทคโนโลยี “การหนีบระดับโมเลกุล” ส่งสัญญาณบวก ด้าน “นิวซีแลนด์” ทุ่มหลายร้อยล้านดอลลาร์ การันตีได้วัคซีนเร็วที่สุด
วัคซีนต้านโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พัฒนาโดย ออสเตรเลีย ได้แสดงผลลัพธ์ “เชิงบวก” ระหว่างการทดลองก่อนทดสอบในมนุษย์ (pre-clinical) ซึ่งจุดประกายความหวังถึงประสิทธิภาพและศักยภาพการผลิตวัคซีน
มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ (UQ) ได้เปิดเผยรายละเอียดผลการทดลองวัคซีนในสัตว์ต่อ สมาคมวัคซีนระหว่างประเทศ (International Society for Vaccines)
โดยวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี “การหนีบระดับโมเลกุล” (Molecular Clamp) ของมหาวิทยาลัยฯ นั้น ออกฤทธิ์ด้วยการเข้าไปจับกับโปรตีนที่แพร่กระจายอย่างไม่เสถียรบนพื้นผิวของไวรัส ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่เป็นกลาง ซึ่งสร้างขึ้นโดยวัคซีนของเราในสัตว์ทดลองนั้น สามารถตอบสนองได้ดีกว่าแอนติบอดีเฉลี่ยที่พบในผู้ป่วยหายดีจากโรคโควิด-19” รองศาสตราจารย์คีธ แชปเพิล ผู้นำร่วมของโครงการพัฒนาวัคซีนดังกล่าวระบุ
ความท้าทาย คือ ผลิตให้เพียงพอ
ทั้งนี้ การทดลอง วัคซีนโควิด-19 ในมนุษย์ระยะที่ 1 เริ่มขึ้นในออสเตรเลียเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ก่อนที่ออสเตรเลียจะเผยผลการทดลองก่อนทดสอบในมนุษย์ในปัจจุบันต่อสาธารณชน
แชปเพิลกล่าวว่า การประเมินประสิทธิภาพการผลิตขนานใหญ่จะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี 2563 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยเขาอธิบายว่า “หนึ่งในความความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาวัคซีน คือ ศักยภาพการผลิตวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอต่อการใช้งานอย่างแพร่หลาย”
เมื่อเดือนมิถุนายน มหาวิทยาลัยฯ ได้เปิดเผยข้อตกลงกับซีเอสแอล (CSL) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพของออสเตรเลีย เพื่อการผลิตวัคซีนในประเทศจำนวนหลายล้านโดส หากพิสูจน์ได้ว่าวัคซีนสามารถใช้งานได้ตลอดกระบวนการทดลองที่เหลือ
ด้านเคท โจนส์ รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า วัคซีนมีความสำคัญต่อการยุติการระบาดใหญ่ และทีมงานจากมหาวิทยาลัยฯ มุ่งมั่นจะแบ่งปันข้อมูล และเปรียบเทียบกับมาตรฐานอ้างอิงระดับนานาชาติ
“เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกเริ่มว่าเรากำลังแข่งขันกับไวรัส ไม่ใช่แข่งขันกับโครงการผลิตวัคซีนอื่นๆ และตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือโลกวิทยาศาสตร์จะต้องร่วมมือกัน” โจนส์กล่าว
นิวซีแลนด์ทุ่มเงิน “หลายร้อยล้าน” การันตีได้ วัคซีนโควิด-19 ไว
รัฐบาล นิวซีแลนด์ ได้จัดสรรเงินทุนพิเศษมูลค่า “หลายร้อยล้านดอลลาร์” เพื่อให้ได้รับ วัคซีนโควิด -19 ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพทันทีที่ปรากฏวัคซีนที่สามารถใช้งานได้
ทั้งนี้ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 63) ว่า ทางการไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของการระดมทุนจากกองทุนรับมือและฟื้นฟูโรคโควิด-19 เนื่องจากเป็นข้อมูลทางการค้าที่มีความอ่อนไหว ซึ่งอาจทำให้ชาวนิวซีแลนด์เสียผลประโยชน์จากการทำข้อตกลงดังกล่าว
เงินทุนดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมแผนกลยุทธ์ด้าน วัคซีน มูลค่า 37 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 766 ล้านบาท ที่ประกาศไปในเดือนพฤษภาคม 2563 เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานวัคซีนในประเทศและต่างประเทศ อาร์เดิร์นกล่าว
นับตั้งแต่เกิดการระบาดทั่วโลก รัฐบาลได้ดำเนินการ “อย่างจริงจังและรวดเร็ว” ตามแผนการเพื่อ “กำจัดไวรัสและทำงานด้วยหลายวิธีการเพื่อให้ได้วัคซีนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ฉันได้พูดคุยกับผู้นำระดับโลกหลายคนเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนทั่วโลกรวมถึง อังเกลา แมร์เคิล (นายกรัฐมนตรีเยอรมนี) จัสติน ทรูโด (นายกรัฐมนตรีแคนาดา) และ สกอตต์ มอร์ริสัน (นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย) เรากำลังทำงานกันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะกับออสเตรเลียเพื่อให้แน่ใจว่าเรามีส่วนร่วมในทุกส่วนของการพัฒนา การกระจาย และการใช้วัคซีน รวมถึงเพื่อนบ้านในแถบแปซิฟิกของเรา เพื่อยกระดับความสำคัญของพวกเขา
เมแกน วูดส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวิจัย วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรมนิวซีแลนด์กล่าวว่า การระดมทุนจะช่วยให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงวัคซีนทดลองที่มีแนวโน้มสำเร็จผลได้อย่างปลอดภัยควบคู่ไปกับการดำเนินแผนริเริ่มต่างๆ เช่น โครงการจัดหาวัคซีนระดับโลกโคแวกซ์ (COVAX)
“รัฐบาลทั่วโลกกำลังจัดการสั่งซื้อเพื่อให้มั่นใจว่า จะได้รับวัคซีนเพียงพอ ซึ่งนี่จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้นิวซีแลนด์สามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19” วูดส์กล่าว
“ความร่วมมือระดับโลกเป็นสิ่งสำคัญเพราะตราบใดที่ยังมีประเทศหรือชุมชนแม้หนึ่งแห่งตกอยู่ในความเสี่ยง ก็เท่ากับเราทุกคนล้วนยังตกอยู่ในความเสี่ยง”
“อินโดฯ” หวังฉีด วัคซีนโควิด-19 ช่วงสิ้นปี
ด้านทางการ อินโดนีเซีย วางแผนฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนหลายล้านคนในช่วงสิ้นปี 2563 โดยมุ่งหวังลดการแพร่กระจายของโรคภายในประเทศ
เอริก ธอร์ฮีร์ รองประธานคณะกรรมการสถานการณ์โรคโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจแห่งชาติ และรัฐมนตรีกระทรวงรัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย ระบุว่า อินโดนีเซียจะมีผู้ได้รับ วัคซีนโควิด-19 ทั้งสิ้น 15 ล้านคน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ธอร์ฮีร์ระบุว่า วัคซีนโรคโควิด-19 จากความร่วมมือกับซิโนวัค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) ผู้ผลิตชีวเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน และจี42 (G42) บริษัทของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวนมากถึง 30 ล้านโดส จะถูกนำไปใช้ในการฉีดวัคซีนดังกล่าว
“หนึ่งคนจะต้องได้รับ วัคซีน 2 โดส โดยการฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นช่วงปลายปี 2563 หากการทดลองทางคลินิกเป็นไปอย่างราบรื่น” ธอร์ฮีร์แถลงต่อสภานิติบัญญัติระหว่างการประชุมที่รัฐสภา โดยชี้ว่าการฉีดครั้งที่ 2 จะเว้นระยะจากการฉีกครั้งแรก 2 สัปดาห์
ด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้เน้นย้ำว่าการฉีดวัคซีนนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยงที่จะรับเชื้อก่อน อาทิ ผู้สูงอายุและบุคลากรทางการแพทย์
ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีรายงานผู้ป่วยใหม่มากกว่า 1,500 รายต่อวัน โดยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียรายงานผู้ป่วยใหม่ 2,719 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 162,884 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 7,064 ราย
ที่มาสำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ยอดโควิดวันนี้ 28 ส.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 24.6 ล้าน ‘อินเดีย’ ยังพุ่งไม่หยุดเจอวันเดียว 7.6 หมื่น
- รอเลย! ‘หมอหนู’ ยันรัฐพร้อมลุยให้คนไทยเข้าถึงวัคซีน ‘โควิด’ เร็วที่สุด
- จีนส่งสัญญาณ’วัคซีนโควิด-19′ สำเร็จ ‘ประเทศลุ่มน้ำโขง’ ได้ก่อน