Politics

ศาลสั่งประหาร ‘ผอ.กอล์ฟ’ โจรเหี้ยมฆ่าโหดชิงทองห้างดังลพบุรี

ประหารชีวิต “ประสิทธิชัย เขาแก้ว” หรือ “ผอ.กอล์ฟ” โจรเหี้ยมกราดยิงโหด ชิงทองห้างดังลพบุรี ชี้คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อหลักฐาน การกระทำผิดของจำเลยเป็นภัยร้ายแรง คุกคามต่อสังคม

ที่ห้องพิจารณา 714 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือกอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ และ ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน กรณีก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ ร้านทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าที่ จ.ลพบุรี

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 จำเลย ซึ่งมีอาวุธปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. ทะเบียน กท 5027346 เลขหมาย A 300638 ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืน พร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุน เข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิงนายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างฯ รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไป

ประหารชีวิต

จนเป็นเหตุให้ ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า ถึงแก่ความตาย และ จำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท ของบริษัท ออโรร่าดีไซน์ จำกัด ผู้เสียหายไปโดยทุจริต ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป ต่อมา เจ้าพนักงานตำรวจได้สืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวจำเลยได้ พร้อมของกลางหลายรายการ และ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ในวันนี้ ศาลได้เบิกตัวนายประสิทธิชัย จำเลย มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีอัยการโจทก์ ทนายจำเลย และญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางมาศาลร่วมกระบวนพิจารณา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานและหลักฐาน ของพนักงานสอบสวนรวมถึงพยานในที่เกิดเหตุสอดคล้องตรงกัน มีความชัดเจน ทำให้เชื่อได้ว่า จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุในคดี ข้ออ้างที่จำเลยให้การต่อศาลว่า เป็นความคิดชั่ววูบ เพราะมีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก รับฟังไม่ขึ้น เนื่องจาก มีการเตรียมการ และ มีอาวุธปืนพร้อมที่เก็บเสียง แสดงให้ถึงการตระเตรียมที่จะกระทำความผิด

สำหรับ กรณีวิถีกระสุนทำให้เด็กชายเสียชีวิต จำเลยอ้างว่าไม่เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานแล้ว เห็นว่าเมื่อจำเลยนำปืนเก็บเสียงยิงไปที่นายธีระฉัตร ผู้เสียหายที่หนึ่ง รปภ. ห้างโรบินสัน และกระสุนทะลุไปโดน ด.ช.ภาณุวิชญ์ จนเสียชีวิต ศาลถือว่าเจตนากระทำผิดต่อเด็กด้วย

ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบา เพราะภายหลังก่อเหตุ เกิดความสำนึกเสียใจ ยอมให้จับกุม ประกอบกับมีคุณงามความดีมาก่อนนั้น ศาลเห็นว่า จำเลยไม่ได้มอบตัว และ การให้การมีประโยชน์ต่อการแสวงหาหลักฐาน หรือ การสอบสวน เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ ก็สามารถนำสืบจนทราบได้ และ คำให้การ ไม่มีการให้ประโยชน์ความรู้กับศาล จึงไม่มีเหตุให้พิจารณาบรรเทาโทษ

ทั้งนี้ คำรับสารภาพของจำเลยเป็นการจำนนต่อหลักฐาน การกระทำผิดของจำเลยเป็นภัยร้ายแรง คุกคามต่อสังคม ไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษตามกฏหมาย คำขอของจำเลยฟังไม่ขึ้น

เมื่อพิจารณาโทษทั้งหมดจำเลยมีความผิดตามฟ้อง หลายกรรมต่างกัน พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรม รวมโทษทุกกระทง ประหารชีวิต และปรับเงิน 1,000 บาท พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียทุกคน รวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี จนกว่าจะแล้วเสร็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างศาลอ่านคำพิพากษา มีญาติของผู้เสียชีวิตรู้สึกสะเทือนใจและร้องไห้ออกมา ขณะที่ญาติของนายประสิทธิชัยก็นั่งร้องไห้สะอื้น เมื่อศาลให้ลงโทษประหารชีวิต ขณะที่ตัวนายประสิทธิชัยมีสีหน้าหม่นหมอง หันไปมองญาติที่ร้องไห้บ่อยครั้ง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo