Politics

‘นายกรัฐมนตรี’ จ่อเคาะเปิดประตูต่างชาติเที่ยวไทย ยันมีมาตรการเข้มงวด!

พล.อ.ประยุทธ์ จ่อหารือ “ศบค.” เคาะมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยันมีมาตรการตรวจสอบ – คัดกรองด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ชี้ต้องทำเพื่อต่อลมหายใจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า จะหารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) ว่า ในพื้นที่ใดเหมาะสมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อน รวมถึงหารือมาตรการต่างๆ รองรับ โดยเฉพาะจะพิจารณาในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเรื่องการท่องเที่ยวมากที่สุด โดยจะเริ่มรับจำนวนน้อยก่อนในรูปแบบ Sand Box ที่ต้องตรวจสอบคัดกรอง ตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง และให้อยู่เป็นจุด หรืออยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ดังนั้น ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ต้องไม่กระทบกับคนอื่น

พล.อ.ประยุทธ์

“ขอฝากประชาชนด้วยว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องทำเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ หากไม่ทำอะไรเลย สถานประกอบการจะตายหมด แรงงานถูกเลิกจ้าง แล้วจะหาสิ่งใดมาทดแทนให้ เพราะทุกคนมีภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้ทั้งหมด จึงมีความจำเป็นต้องผ่อยคลายมาตรการต่าง ๆ และหามาตรการที่เหมาะสมมารองรับ รัฐบาลเน้นการดูแลคนส่วนใหญ่ ที่ทุกคนต้องมาช่วยกันคิด เพื่อทำงานร่วมกัน ไม่ให้เศรษฐกิจย่ำแย่ไปมากกว่านี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้ คือ การต่อลมหายใจทีละเล็กทีละน้อยให้ทุกคน ยืนยันว่า รัฐบาลมีมาตรการต่าง ๆ ที่จะรองรับหลายด้าน และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าการจะทำอะไรต่าง ๆ อยากให้ย้อนไปดูการดำเนินงานของรัฐบาลว่าที่ผ่านมา ที่มีมาตรฐานในการตรวจสอบและคัดกรองด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เช่น การติดตามตัว ที่สามารถติดตามตัวได้ทั้งหมด

ที่สำคัญประชาชนในพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือกัน เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือคนในพื้นที่ไม่ใช่ตน แต่หากยังมีความขัดแย้งและโทษกันไปมา ประชาชนจะได้รับผลกระทบและเสียผลประโยชน์ไป ขอสื่อร่วมมือกันสร้างความมั่นใจว่า หากพบผู้ติดเชื้อ รัฐบาลสามารถดูแลและจำกัดพื้นที่ได้ วันนี้อยากให้ทุกคนมองภาพใหญ่ อย่ามองปัญหาเล็ก ๆ จนทำให้เกิดปัญหาตามมา

ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลไม่แก้ปัญหาอะไรเลย จะถูกประชาชนตำหนิได้ เพราะวันนี้ยังมีคนตกงานและได้รับผลกระทบ ขณะนี้วิกฤติโควิด ทำให้การจัดเก็บรายได้ของประเทศลดลง จึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ แม้ผมจะถูกใครตำหนิก็ต้องอดทนทุกเรื่อง ที่ผ่านมาก็อดทนมามาก เพื่อประชาชนและประเทศชาติ

“ถ้าผมไม่ทำวันนี้ แล้วใครจะทำ หากจะรออนาคตหรือจะเลือกตั้งเปลื่ยนรัฐบาลใหม่ แล้วเวลาระหว่างรอ ใครจะมาแก้ปัญหาขณะนี้ ที่หลายคนกำลังเจอวิกฤติ ดังนั้น ต้องทำวันนี้เพื่อวันข้างหน้าให้ดีไว้ ซึ่งต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ แล้ววันข้างหน้าก็ค่อย ๆ เดินไป ประเทศไทยผ่านร้อน ผ่านหนาวมาแล้ว ถ้ายังมีความขัดแย้ง ประเทศก็เดินไปไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์

ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ให้กรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2564 จำนวน 7 คนของพรรคลงมติ “ไม่เห็นชอบ” ให้จัดซื้อเรือดำน้ำในคณะชั้นกรรมาธิการฯ ว่า นึกอยู่แล้วว่า สื่อต้องถามเรื่อง “เรือดำน้ำ” เป็นเรื่องของกรรมาธิการที่อยู่ระหว่างการพิจารณา

ส่วนกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นต่างในจัดการซื้อนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้ เป็นเรื่องของพรรคที่จะว่ากันไป แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการฯ จะว่าอย่างไร ซึ่งมีหลายพรรคร่วมอยู่ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญสุด คือ ได้อธิบายไปหมดแล้วถึงความจำเป็น หลักการและเหตุผล งบประมาณที่จัดซื้อก็เป็นของกองทัพเรือ และเราได้แก้ปัญหาปี 2563 ไว้แล้วส่วนหนึ่ง

“โครงการอะไรก็ตามที่เป็นโครงการต่อเนื่อง มีความจำเป็นหรือไม่ จำเป็นอย่างไร จะได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการฯ ที่จะพิจารณา แต่ในความรู้สึกส่วนตัว ผมคิดว่าอะไรก็ตาม ที่จะต้องสร้างความมั่นคงปลอดภัยของพวกเรา ตรงนี้ไม่ใช่เพื่อใครทั้งสิ้น แต่เพื่อประเทศไทยและคนไทย ทรัพยากรของชาติ ของแผ่นดิน จะทำอย่างไร และโลกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด ความขัดแย้งอะไรต่างๆ มีเยอะหรือไม่ ไม่ได้มีไว้ไปรบหรือสู้กับใคร แต่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ คงเข้าใจกันว่ามันเป็นอย่างไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ข้อสำคัญ คือ งบประมาณเป็นของกองทัพเรือ เป็นงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ฉะนั้น สุดแล้วแต่กรรมาธิการฯ จะพิจารณาออกมาอย่างไร วันหน้าทุกคนก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด หากเกิดอะไรขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว เป็นเรื่องมติของคนหลายคน หลายพรรคด้วยกัน ก็สุดแล้วแต่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่า การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นไปด้วยดี อย่ายกเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เป็นเรื่องภายในที่จะต้องบริหารกันเองให้ได้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกัน ก็สุดแล้วแต่ ตนไม่พูดตรงนี้ โอเคนะ

“วันนี้มาดูเรื่องงบประมาณฝ่ายความมั่นคงกันอีกเป็นหลัก เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ตนไม่รู้ความตั้งใจของท่าน ตนไม่พูด แต่สิ่งสำคัญที่สุดงบประมาณกระทรวงอื่น ท่านก็ตัดของเขาอีก ทั้งที่กระทรวงเหล่านั้น เขาดูแลประชาชนใช่หรือไม่ ไปตัดของเขา ทำไมไม่ให้ความสำคัญบ้าง งบหลายกระทรวง แล้วก็มาจ้องงบนี้เข้าไปด้วย สรุปว่าประเทศเดินหน้าไม่ได้ทั้งหมด แล้วรู้หรือไม่งบประมาณตัดแล้วไปไหน จะเอาไปทำอย่างอื่นได้หรือไม่ กฎหมายเขียนว่าอย่างไร มันก็ตกหมด ไม่ใช่ว่าจะมาอยู่งบกลางได้ หรือไม่ก็ต้องไปทำโครงการของเจ้ากระทรวงเดิมที่ผ่านมานำขึ้นมา เข้าใจตรงนี้กันเสียบ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนนายกฯ ไม่ค่อยสบาย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เหนื่อยสิ ทำงานติดต่อกันหลายวัน ไม่ได้พัก

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo