Politics

อย่าคิดว่าปลอดภัย! ‘หมอศิริราช’ เตือนไทยเสี่ยงระบาดรอบ 2

หมอศิริราช เตือนไทยเสี่ยงระบาดรอบ 2 หลัง “องค์การอนามัยโลก” เตือนทั่วโลกยังระบาดรุนแรง ย้ำ! ต้องควบคุมให้ได้เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า 

นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงกรณีที่ องค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนว่า ประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก กำลังจะเผชิญการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่ทวีปอเมริกาหนักสุด ในระยะ 3 – 5 วัน มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 ล้านคน และจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะ เฉพาะสหรัฐอเมริกา มีการติดเชื้อในคนอายุน้อยกว่า 40 ปี ถึง 135% เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 1 พันคน ที่บราซิลมีจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

หมอศิริราช

ส่วนเอเชียพบว่า ประเทศอินเดียอยู่ในช่วงขาขึ้น มีผู้ป่วยรายใหม่วันละกว่า 7 หมื่นคน ขณะที่เกาหลีใต้ก็เริ่มการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการให้ทุกคนสวมหน้ากากตลอดเวลาทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ทั้งพื้นที่โล่งและภายในห้อง ต้องเว้นระยะห่าง

“จะเห็นว่าการติดเชื้อระลอกใหม่ ในหลายๆ ประเทศมีความรุนแรงกว่ารอบแรก หลายประเทศไม่รู้แหล่งที่มา อย่างไรก็ตาม มีหลายประเทศ เช่น เยอรมนี สิงคโปร์ และเวียดนามที่อาจจะเกิดจากแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และอยู่รวมกันหนาแน่น ไม่เว้นระยะห่าง บางประเทศ เช่นจีนรับเชื้อเข้ามาจากพัสดุ”
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

ดังนั้น แม้ว่าขณะนี้ประเทศไทยจะควบคุมการระบาดได้ดี และยังไม่พบการติดเชื้อในประเทศ แต่อย่าคิดว่าปลอดภัยแน่นอน เพราะเพื่อนบ้านยังมีการติดเชื้ออยู่ การเดินทางข้ามพรมแดน รวมถึงการนำพัสดุต่างๆ เข้ามายังประเทศอาจจะนำการติดเชื้อเข้ามาได้

ทั้งนี้ เมื่อดูจากเหตุผลที่องค์การอนามัยโลก เตือนว่า เอเชียแปซิฟิกเข้าสู่การระบาดระลอก 2 โดยใช้ข้อมูลสถานการณ์ทั่วโลก ที่พบว่ายังมีความรุนแรงอยู่ โดยเพราะหลักฐานที่พบว่า มีการติดเชื้อในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี โดยในญี่ปุ่นพบได้ 2 ใน 3 ขณะที่ ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย พบว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมีอายุน้อยกว่า 40 ความสำคัญคือการติดเชื้อในคนอายุน้อยมักมีอาการไม่รุนแรงจึงเสี่ยงที่จะนำไปแพร่ให้กับผู้สูงอายุ และคนมีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่รับเชื้อแล้วอาการจะรุนแรง และเสียชีวิตได้

หมอศิริราช
นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา

หากดูสถานการณ์ในไทยตอนนี้ หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ก็พบว่า คนที่มีการออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 40 ปี เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ มองว่า ประเทศไทยมีโอกาสเกิดการแพร่ระบาดอีก แต่ต้องควบคุมให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกันสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เพราะเราไม่อยากให้เหมือนการระบาดรอบแรกที่ต้องปิดล็อกทั้งประเทศ

ดังนั้น การควบคุมโรคต้องยึดหลักการควบคุมมุ่งเป้า (Targeted Intervention) ซึ่งในหลายๆ ประเทศก็นำมาใช้ เพราะก่อให้เกิดผลกระทบ เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่มาก ประชาชนก็เลยไม่เครียดมาก แต่วิธีนี้ต้องทำงานร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายปกครอง ที่ออกนโยบายต่างๆ ฝ่ายผู้ประกอบการนำเอามาตรการไปใช้ และประชาชนต้องร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการ

“หากพบผู้ติดเชื้อในกิจกรรมใด ก็ต้องดูว่ากิจกรรมแบบเดียวกันในแต่ละที่มีผู้ติดเชื้อด้วยหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่ามาตรการโดยรวมมีปัญหาผู้กำหนดนโยบายต้องมาทบทวน แต่ถ้ากิจกรรม หรือ สถานที่แบบเดียวกัน เกิดการติดเชื้อเพียงแห่งเดียวแสดงว่าสถานที่ หรือกิจกรรมนั้นมีปัญหาเรื่องมาตรการควบคุมป้องกันโรค ก็ต้องปิดและปรับปรุงแก้ไข และใช้มาตรการทางสังคมในการดูแลจัดการ หากพบว่าสถานประกอบการ กิจกรรมใดที่ไม่มีมาตรการควบคุมป้องกันโรค ก็อย่าเข้าไปใช้” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว

หมอศิริราช กล่าวอีกว่า หากเราร่วมกัน และทำได้ จะทำให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด ดีที่สุดคือแค่มีการติดเชื้อแต่ไม่แพร่ระบาด ซึ่ง 2 คนนี้ ต่างกัน หมายความว่าถ้าเรามีคนติดเชื้อ 1-2 คน แต่เข้าไปควบคุมให้เร็วไม่ให้ระบาดได้ ส่วนคำว่าระบาดหมายถึงมีการติดเชื้อ 1 คน แพร่ไปสู่อีกคน หรือ 10 คน 30 คน ต่อๆ ไป เพราะฉะนั้น ขอความร่วมมือจากทุกคน เช็กอิน เอาต์ อย่ายอมให้เกิดการหย่อนมาตรการ และอย่าให้มีการยกเว้น ทุกคนมีโอกาสพลาดที่จะทำให้เกิดการระบาดในไทย หรือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การควบคุมโรคเป็นไปด้วยดี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo