Politics

‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ จำเป็น! ‘นพ.ทวีศิลป์’ ยืนยันไม่กระทบชีวิตประชาชน!

พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จำเป็น! “นพ.ทวีศิลป์” แจงเหตุขยายระยะเวลา ยันไม่กระทบชีวิตประจำวันของประชาชน ย้ำขอให้ทุกคนใช้ชีวิตวิถีใหม่เพื่อสุขภาพของตนเอง

ที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนที่สอบถามผ่านโซเชียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 และสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

โฆษก ศบค. ชี้แจงถึงเหตุผลที่ขยายระยะเวลาการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยเป็นการหารือและตัดสินใจร่วมกันของทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันแบบ New Normal ซึ่งปัจจัยเสี่ยงคือการติดเชื้อผ่านชุดพฤติกรรมของคน ดังนั้น จึงต้องควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ของคนภายในประเทศ รวมทั้งคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผ่านจุดผ่านแดนทั้งทางบก ทางน้ำ กว่าหลายพันคน

พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉินจะไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน เนื่องจากกิจการ กิจกรรม กลับมาให้บริการปกติ ไม่มีการห้ามออกจากเคหะสถาน แต่ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตแบบชีวิตวิถีใหม่เพื่อสุขภาพของตนเอง

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้มีการหารือในส่วนของกีฬาซึ่งเป็นส่วนเชื่อมโยงเกี่ยวกับด้านสุขภาพของประชาชน รวมทั้งด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้มีการจัดลำดับตามความเสี่ยงของชนิดกีฬา ทั้งในส่วนของประเภทกีฬากลางแจ้ง และกีฬาในร่ม จำกัดจำนวนของผู้เข้าชมให้เหมาะสมกับชนิดของกีฬา รวมทั้งการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด

โฆษก ศบค. กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้ย้ำถึงการบริหารสถานการณ์ฯ ที่จะต้องบริหารควบคู่กันไประหว่างสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สร้างความเชื่อมั่นและการรับรู้ที่เท่าเทียมกันให้กับประชาชน ไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด พร้อมย้ำว่าการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันต่าง ๆ ยังคงมีความสำคัญอยู่

สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยวันนี้ (21 ส.ค.) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย ทำให้มีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,390 ราย (ติดเชื้อในประเทศ 2,444 ราย และสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 453 ราย) หายป่วยเพิ่มขึ้น 1 ราย ทำให้มีผู้ที่หายป่วยแล้วรวม 3,219 ราย และมีผู้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาล 113 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ตัวเลขยังคงเดิมที่ 58 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 รายดังกล่าวเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างสิงคโปร์ คัดกรอง ณ ด่านฯ และเข้าสถานที่กักกัน (Quarantine) เป็นชายไทย อายุ 56 ปี อาชีพพนักงานบริษัท โรงงาน เดินทางถึงไทยวันที่ 7 สิงหาคม 2563 (เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย) เข้าพัก State Quarantine ในจังหวัดชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 18 สิงหาคม ผลตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้อำนวยการ ศบค. ได้เน้นย้ำให้มีการชี้แจงเกี่ยวกับตัวเลขต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของประเทศไทยให้ประชาชนได้รับทราบถึงศักยภาพของประเทศไทยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อ งที่ช่วยกันดำเนินการจนตัวเลขต่าง ๆ ออกมาเป็นผลที่น่าพอใจ โดยเฉพาะขณะนี้ตัวเลขผู้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเหลือเพียง 113 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกด้วย

นพ.ทวีศิลป์ ย้ำว่า การสวมใส่หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัย มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เนื่องจากผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบขณะนี้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อที่เกิดขึ้นหรือหากจะมีการติดเชื้อใหม่เช่นที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ก็ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นความผิดของใคร เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นโรคระบาดที่สามารถเกิดขึ้นได้

สิ่งสำคัญ คือ ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน และไว้วางใจซึ่งกันและกัน ซึ่งในประเทศไทยขณะนี้ทุกคนก็ช่วยกันสวมใส่หน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยทำให้สถานการณ์ของไทยดีขึ้น และสามารถยืนระยะยาวมาได้จนปัจจุบัน และขอให้เรียนรู้สถานการณ์จากต่างประเทศเพื่อนำกลับดูแลตัวเองและประชาชนคนไทยของเรา

พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ด้วยกรมควบคุม โรคกระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ว่า ตรวจพบคนไทยจำนวน 2 คน ได้เดินทางกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเข้าสู่การปรับตัวของรัฐ (State Quarantine) จนครบ 14 วัน เรียบร้อยแล้ว จึงได้ออกมาใช้ชีวิตปกติภายนอกการกักตัว และในระยะเวลาต่อมาบุคคลทั้งสองประสงค์จะกลับไปทำงานที่ต่างประเทศ จึงเข้ารับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ ซึ่งผลการตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ติดตามและเฝ้าระวังเพื่อสังเกตอาการผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายหลัง ที่พ้นจากการกักตัวแล้ว และเดินทางเข้าพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน

อย่างไรก็ตาม หากสงสัยหรือพบอาการป่วยให้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อเข้ารับการรักษาและประเมินอาการว่าเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือไม่ หากเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้อ ให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่จังหวัดกำหนด รวมทั้งเน้นย้ำการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่ New Normal แก่ประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo