ราคาหุ้น “แอคคอร์” (Accor) ทะยานสูงขึ้น เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) หลังจากที่หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร รายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านโรงแรมของฝรั่งเศส กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะควบรวมกิจการกับคู่แข่งสัญชาติอังกฤษ “อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์” (IHG) ซึ่งถ้าเป็นจริง จะทำให้เกิดกลุ่มบริษัทโรงแรมรายใหญ่สุดของโลก
อุตสาหกรรมโรงแรมโลก กำลังตกอยู่ในภาวะยากลำบาก เพราะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้การท่องเที่ยวเดินทาง แทบจะยุติลงทั้งหมด กดดันให้เจ้าของโรงแรมจำนวนมาก ต้องระงับการทำธุรกิจไว้ชั่วคราว และหาทางเพิ่มสถานะทางการเงินของตัวเอง
หนังสือพิมพ์เลอ ฟิกาโร รายงานว่า แอคคอร์ ซึ่งอยู่เบื้องหลังแบรนด์โรงแรมจำนวนหนึ่ง อย่าง ไอบิส (Ibis) และ โมเวนพิค (Movenpick) ยังไม่ได้เข้าทาบทาม ไอเอชจี เจ้าของเชนโรงแรม ฮอลิเดย์ อินน์ (Holiday Inn) และคราวน์ พลาซา (Crowne Plaza) เกี่ยวกับการควบรวมกิจการอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
หากพิจารณาจากฐานราคาในปัจจุบันแล้ว การควบรวมกิจการของยักษ์โรงแรมทั้ง 2 แห่งนี้ อาจมีมูลค่าทางตลาดมากถึง 17,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 530,000 ล้านบาท
รายงานของเลอ ฟิกาโร ที่ไม่ได้อ้างแหล่งข่าวใดๆ บอกด้วยว่า คณะกรรมการบริหารของแอคคอร์ มีแนวโน้มเห็นด้วยกับการทำข้อตกลงควบรวมกิจการ แต่ นายเซบาสเตียน เบซิน ประธานกรรมการบริหาร และซีอีโอ ผู้จัดตั้งคณะทำงานภายในขึ้นมาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีท่าทีที่ระมัดระวังตัวอย่างมาก ต่อการที่จะเดินหน้าทำข้อตกลงดังกล่าว
ด้านโฆษกของแอคคอร์ และไอเอชจี ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวนี้
อย่างไรก็ดี ข่าวที่ออกมา หนุนให้ราคาหุ้นของแอคคอร์ ทะยานขึ้นมา 1.9% โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของแอคคอร์ร่วงมาแล้วมากกว่า 43% และเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ก็เพิ่งถูก เอส แอนด์ พี โกลบอล ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงมาอยู่ที่ระดับ “Junk”
ส่วนราคาหุ้นของไอเอชจี ที่ร่วงลงมาแล้วราว 23% ในปีนี้ ขยับขึ้นมาเมื่อ 0.35% นับถึงช่วงปิดตลาด หลังจากที่ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนั้น ทะยานขึ้นไป 3.1% ถือว่าโดดเด่นกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ในดัชนีเอฟทีเอสอี-100 ของตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การควบรวมกิจการของ 2 บริษัทนี้ จะช่วยทำให้บริษัทควบรวมใหม่ มีขนาดใหญ่กว่า “แมริออต” คู่แข่งสัญชาติอเมริกัน ในแง่ของจำนวนห้องพัก ที่รวมกันแล้วจะมีมากกว่า 1.6 ล้านห้อง
นอกจากนี้ ยังจะสร้างความสมเหตุสมผลทางด้านภูมิศาสตร์ เนื่องจากแอคคอร์ และแบรนด์โรงแรมในเครือ ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มอยู่ในตลาดยุโรป ขณะที่ไอเอชจี มีการดำเนินงานที่ขยายวงกว้างมากกว่าในสหรัฐ และยังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
รายงานข่าวล่าสุดนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทั้งแอคคอร์ และไอเอชจี ต่างประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน และลดค่าใช้จ่าย ในความพยายามที่จะรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติโควิด-19
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดรายชื่อ 34 โรงแรม ผ่านประเมินเป็น ‘สถานที่กักตัวทางเลือก’
- ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เงียบเหงา! สิทธิ์จองโรงแรมเหลือเพียบ
- โรงแรมไทยเปลี่ยน รับ New Normal สะท้อนภาพ ‘บ้านหลังที่สอง’