Business

รัฐถังแตก! จัดเก็บรายได้พลาดเป้า ครม.อนุมัติกู้เพิ่ม 2.14 แสนล้าน

ครม.อนุมัติกระทรวงการคลังกู้เงินเพิ่ม 2.14 แสนล้าน  แก้วิกฤติโควิด-19  หลังพบรายได้ปีนี้พลาดเป้ากว่า 3 แสนล้าน 

นางแพตริเซีย มงคลวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวถึงการปรับเพิ่มวงเงินกู้ของรัฐบาล จากกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ ในปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 214,093 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ ไม่ได้ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะมีปัญหา ล่าสุดอยู่ที่ 45.83% ของจีดีพี คาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2563 จะอยู่ที่ 51-52% ของจีดีพี และสิ้นปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 57-58% ของจีดีพี

“วงเงินกู้ 2.14 แสนล้านบาทที่เพิ่มขึ้น คนละส่วนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2563 จำนวน 4.69 แสนล้านบาท มีการกู้ไปจนเต็มหมดแล้ว และการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่าย กรณีที่รายจ่าย มากกว่ารายได้ ในปี 2563 ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยเคยกู้เงินลักษณะนี้ในปีที่ไทยจะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาแล้ว เนื่องจากตอนนั้นรายจ่ายมากกว่ารายได้ที่เก็บได้เช่นกัน”

cover รัฐถังแตก

โดยคาดว่ารายได้ปีนี้จะจัดเก็บได้ต่ำกว่า 9% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท เพราะมีการเลื่อนการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้ ทำให้กระทรวงการคลัง คาดว่าจะเริ่มมีเงินเข้าในช่วงเดือนกันยายน จึงจำเป็นต้องให้กระทรวงการคลัง เปิดวงเงินกู้ดังกล่าว โดยสบน.จะประเดิมกู้ส่วนแรก 50,000 ล้านบาท โดยการออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไปในเดือน ก.ย.

ทั้งนี้ตามกฎหมาย กระทรวงการคลังสามารถกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย บวกกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้ ในปี 2563  สามารถกู้ได้ 6.38 แสนล้านบาท การกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล และการกู้กรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ดังกล่าว ถือว่าเป็นการกู้เต็มจำนวนตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้

ส่วนการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ขณะนี้กระทรวงการคลังกู้ไปแล้ว 3.18 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะกู้ในปีงบประมาณ 2564 ตามความต้องการใช้เงินของรัฐบาล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight