World News

‘เลบานอน’ วิกฤติหนัก! โควิด-19 เข้าขั้นอันตรายมาก คนจนพุ่งเกินครึ่งประเทศ

“เลบานอน” เจอวิกฤติหนัก! WHO ชี้สถานการณ์โควิด-19 เข้าขั้น “อันตรายมาก” เศรษฐกิจทรุด สัดส่วนคนรวยลดฮวบ “คนจน” พุ่งเกินครึ่งประเทศ

วานนี้ (19 ส.ค. 63) อีมาน อัล-ชานกิติ ผู้แทน องค์การอนามัยโลก (WHO) ในเลบานอน ประกาศเตือนว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในเลบานอนอยู่ในขั้น “อันตรายมาก

“ทางแก้ปัญหาเดียวคือประชาชนต้องดำเนินตามมาตรการที่ WHO แนะนำอย่างมีความรับผิดชอบและจริงจัง” เว็บไซต์ข่าวเอลนาชรา (Elnashra) อ้างอิงคำกล่าวของอัล-ชานกิติ

เลบานอน

อัล-ชานกิติเผยว่า WHO ได้ร่วมหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับแผนการปรับเปลี่ยนโรงพยาบาลบางแห่งเป็นสถานประกอบการสำหรับรักษาโรคโควิด-19 และกำหนดอัตราภาษีพิเศษสำหรับการรักษาโรคดังกล่าว

นอกจากนี้ โรงพยาบาลสนามและทีมเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่เดินทางมายัง เลบานอน เพื่อรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดในท่าเรือเบรุตเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 จะร่วมมือกับโรงพยาบาลรัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล

WHO ระบุด้วยว่า กรณีประชาชนเพิกเฉยและไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเหมาะสม รวมถึงการเปิดท่าอากาศยาน มีส่วนทำให้จำนวนผู้ป่วยในเลบานอนเพิ่มสูงขึ้น

 

คนจนพุ่งขึ้นเท่าตัว

ด้านคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมเอเชียตะวันตกแห่งสหประชาชาติ (ESCWA) รายงานว่า ปัจจุบันประชากรเลบานอนกว่า 55% ตกอยู่ในความยากจนและไม่ได้รับสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐานที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเพียงพอ โดยสถิตินี้สูงขึ้นเกือบ 2 เท่าจากอัตราในปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 28%

ความยากจนขั้นรุนแรงในเลบานอนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 8% ในปี 2562 มาอยู่ที่ 23% ในปี 2563

สถานการณ์ใน เลบานอน ย่ำแย่ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์รุนแรงหลายครั้ง ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และทำให้อัตราความยากจนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยรายงานบ่งชี้ว่าปัจจุบันจำนวนคนจนในเลบานอนอยู่ที่ 2.7 ล้านคน

จำนวนคนชั้นกลางลดลงอย่างมาก อยู่ที่ต่ำกว่า 40% ของประชากรทั้งประเทศ ช่วงปีที่ผ่านมากลุ่มคนรวยลดลงเหลือเพียง 1ใน 3 จาก 15% เหลือ 5%

GettyImages 1266834977

โรลา ดัชตี เลขานุการบริหารของคณะกรรมาธิการฯ ระบุว่า จำเป็นต้องก่อตั้งกองทุนสามัคคีแห่งชาติเพื่อแก้ไขวิกฤตทางมนุษยธรรมและลดช่องว่างความยากจน โดยเลบานอนต้องการแรงสนับสนุนจากผู้บริจาคอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและสาธารณสุข รวมถึงการคุ้มครองทางสังคมที่กว้างขวางยิ่งขึ้น

ดัชตีเห็นว่า การจะแก้ไขวิกฤตนั้น จำเป็นต้องดำเนินการปฏิรูปการบริหารด้านเศรษฐกิจที่สำคัญจำเป็น จำกัดกิจกรรมที่มีลักษณะแสวงหาผลตอบแทนส่วนเกิน (rent seeking) และยกระดับความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อหน้าที่

“เลบานอนควรมีระบบความรับผิดชอบร่วมกันที่ยุติธรรมและก้าวหน้า ซึ่งมีเจตจำนงทางการเมืองและศักยภาพเชิงสถาบันที่แข็งแกร่งเป็นแรงสนับสนุน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความสามัคคีในสังคม” ดัชตีกล่าว

 

เลบานอน สั่ง “ปิดประเทศ” หลังยอดป่วยโควิด-19 พุ่ง

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 ส.ค. 63) กระทรวงสาธารณสุขของเลบานอน รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่ม 421 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 2 รายรวม ดันยอดสะสมรวมอยู่ที่ 9,758 ราย และ 107 ราย ตามลำดับ

ด้านกระทรวงกิจการภายในของเลบานอนประกาศในวันเดียวกันว่า จะดำเนินมาตรการปิดประเทศอย่างสมบูรณ์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มต้นวันพรุ่งนี้ (21 ส.ค. 63) เป็นต้นไป โดยจะมีการปิดสถาบันการค้าตลอดระยะเวลาดังกล่าว ขณะเดียวกันจะเริ่มประกาศเคอร์ฟิวช่วงเวลากลางคืน

GettyImages 1228078322

ฮาหมัด ฮัสซัน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การตัดสินใจปิดประเทศเป็นผลมาจากจำนวนผู้ป่วยใหม่รายวันที่เพิ่มสูง จนสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อภาคสาธารณสุขของประเทศ พร้อมเสริมว่าท่าอากาศยานในประเทศจะยังคงเปิดดำเนินงานต่อไป

ทั้งนี้ เลบานอนเริ่มต่อสู้กับโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 โดยได้รับเงินบริจาคจำนวนมากจากนานาประเทศเพื่อสนับสนุนภารกิจรับมือโรคระบาด ซึ่งรวมถึงจีนที่ได้ส่งมอบเวชภัณฑ์หลายชุดด้วยกัน

 

“ระเบิดเบรุตกระทบเด็กเลบานอนแสนคน

ด้านแอลบีซีไอ (LBCI) ช่องโทรทัศน์ท้องถิ่น เลบานอน รายงานว่า เท็ด ไชบัน ผู้อำนวยการยูนิเซฟประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือกล่าวว่าเหตุระเบิดใหญ่ในกรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอน ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็ก 100,000 คน

เลบานอน

“โรงเรียน 120 แห่ง ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดครั้งนี้ เราจะช่วยให้เด็กๆ ได้กลับไปโรงเรียนเพื่อเริ่มปีการศึกษาใหม่” ไชบันกล่าวระหว่างเดินทางไปตรวจสอบแผนกกุมารเวชของโรงพยาบาลคารันทินา (Karantina Hospital) พร้อมยืนยันว่ายูนิเซฟจะยืนหยัดเคียงข้าง เลบานอน เสมอ

อนึ่ง เหตุระเบิดสองครั้งซ้อน ซึ่งเกิดขึ้นที่ท่าเรือเบรุตเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 เขย่าอาคารบ้านเรือนทั่วกรุงเบรุต ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 177 ราย และผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 6,000 ราย รวมถึงสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

ที่มาสำนักข่าวซินหัว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo