General

คดีบอส เริ่มชัด เปิดปากโยง ‘สมยศ-สายประสิทธิ์’ ก่อนเปลี่ยนความเร็วรถ

คดีบอส เริ่มชัด “ธนสิทธิ” เปิดปาก สมยศ นำ สายประสิทธิ์ เข้าพบ จนนำไปสู่การเปลี่ยนความเร็วรถ “วิชา” ชี้สัปดาห์ชัด มือมืด แทรกแซงสำนวน

ในการประชุมร่วมของ กมธ.การกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เป็นประธาน และกมธ.กิจการศาลองค์กรอิสระองค์กรอัยการ ฯที่มีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ได้เรียกผู้เกี่ยวข้อง เข้าชี้แจง และซักถาม คดีบอส อยู่วิทยา โดยเฉพาะประเด็นการเปลี่ยนความเร็วรถ

บอส อยู่วิทยา ๒๐๐๘๒๐

สำหรับผู้เข้าชี้แจง อาทิ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.), พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร., พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น อดีตทีมพิสูจน์ความเร็วรถ รวมถึงนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. และอดีต กมธ.กฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)

จากการซักฟอกอย่างเข้มข้น ในที่สุด พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น อดีตทีมพิสูจน์ความเร็วรถ ได้ยอมรับว่า เหตุการณ์เรียกคุยกับที่ห้องทำงานของ พล.ต.อ.มนู เมื่อวันที่ 26 กพ.2559 พ.ต.อ.วิรดล มาหาช่วงบ่าย และแจ้งว่า พล.ต.อ.สมยศ มาด้วย

เปิดปาก สมยศ พา สายประสิทธิ์ เสนอวิธีคำนวณใหม่

เมื่อทราบตนจึงไปพบ โดยในห้องขณะนั้นมี พล.ต.อ.สมยศ, พ.ต.อ.วิรดล และนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม โดย พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแนะนำให้รู้จัก นายสายประสิทธิ์ และมีการนำเสนอวิธีการคิดคำนวณใหม่ ได้ 79.22 กม./ชม.

จากนั้น พล.ต.อ.สมยศกลับไปพร้อมกับนายสายประสิทธิ์ และมี พ.ต.อ.วิรดล ทำหน้าที่สอบปากคำต่อ ตามเอกสารพนักงานอัยการ ขอให้มีการสอบปากคำเพิ่มเติมตั้งแต่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 แต่มาขอสอบปากคำจริงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งเลยเวลามาแล้ว 14วัน

ส่วนกรณีที่มีการระบุสอบปากคำ 2 ครั้งนั้น เป็นเพราะ พ.ต.อ.วิรดล พนักงานสอบสวนในคดีนี้ เป็นคนขอว่า ไม่มีเวลาที่จะมาสอบปากคำซ้ำ เพราะอัยการเร่งรัดมา จึงขอสอบปากคำในรอบเดียว โดยประเด็นที่มีการสอบปากคำเพิ่มนั้น พ.ต.อ.วิรดล มีการถามว่า ท่านมีวิธีการคำนวณความเร็วแบบอื่นหรือไม่ เป็นการถามหลังจากที่นายสายประสิทธิ์ เสนอวิธีการคำนวณใหม่มาแล้ว

ประกอบกับตนอยู่สถานการณ์ที่อยู่ในห้องของผู้บังคับบัญชา คือ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก จึงเกิดความเครียด เพราะมีเวลาจำกัด ไม่สามารถขยายเวลาการให้ปากคำได้ และ พ.ต.อ. วิรดล เป็นคนขอลงวันที่ 2 มีนาคม ในเอกสารเอง แต่ตนไม่คิดว่าจะเป็นสาระสำคัญ เพราะขณะนั้น กำลังให้ความสำคัญกับวิธีการคำนวณความเร็ว

ด้าน พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผบ.ตร.ในฐานะอดีตผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน (ผบช.สพฐ.)ยืนยันว่า คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนั้น เมื่อมีข้อสงสัยในฐานะผบช.สพฐ.จึงให้ผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และเพื่อให้ได้ข้อยุติ

พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก
พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก

อย่างไรก็ตาม ในวันดังกล่าว พล.ต.อ.มนู ยืนยันว่า ไม่ได้ร่วมพูดคุย มาทราบในภายหลังว่า ความเร็วจบที่ 76 กม./ชม. ซึ่งพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น อดีตทีมพิสูจน์ความเร็วรถ อาจเชื่อในสูตรความเร็ว ของนายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำ และหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ว่าถูกต้อง

“ยืนยันว่าในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตนมีหน้าที่เพียงผู้บริหารจัดการภาพรวมเท่านั้น ส่วนการพูดคุยเป็นเรื่องของ 3 ฝ่าย คือ นายสายประสิทธิ์ พนักงานสอบสวน และ พฐ.”พล.ต.อ.มนู กล่าว

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.มนู ยังคงยืนยันว่า ขณะนั้น พล.ต.อ.สมยศ เกษียณอายุราชการไปแล้วและไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน การพูดคุยในวันดังกล่าว มีเพียง 3 ฝ่าย ตามที่กล่าวมาเท่านั้น ยืนยันว่าการทำงานของ พฐ.เป็นหน่วยงานอิสระ ผู้ตรวจพิสูจน์เป็นผู้ออกรายงานผล ไม่สามารถแทรกแซงได้

พล.ต.อ.มนู ชี้แจงว่า การสอบเพิ่มเติม พฐ.เป็นปลายเหตุ แต่ต้นเรื่องมาจากพนักงานอัยการที่ให้สอบเพิ่มในเรื่องความเร็วรถ จึงเป็นที่มาของการสอบสวนเพิ่มเติมผู้เชี่ยวชาญ เข้าใจว่านายสายประสิทธิ์ น่าจะมาจากทางพนักงานสอบสวนที่ประสานขอเข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนที่เชื่อนายสายประสิทธิ์ คิดว่าช่วงนั้น น่าจะมีวิธีคำนวณความเร็วในส่วนของท่าน ขณะที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์เอง อาจจะไม่ได้มีเวลาดูว่า การคำนวณดังกล่าวมีความผิดพลาดมากน้อยเพียงใด

หลังจาก กมธ.ซักถามไปยัง พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตรอง ผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อว่า ในประเด็นความเร็วรถ เหตุใดต้องเชื่อนายสายประสิทธิ ทั้งที่ พล.ต.อ.มนู ก็บอกเองว่ามี พฐ.ซึ่งเชื่อถือได้ และได้ตรวจสอบในเรื่องใบอนุญาตของนายสายประสิทธิ์หรือไม่

พ.ต.อ.วิรดล กล่าวยอมรับว่าอยู่ในเหตุการณ์ แต่ส่วนตัวไม่รู้จักนายสายประสิทธิ์ แต่นายสายประสิทธิ์ และพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไปพูดคุยกันเอง เป็นเรื่องของนักวิชาการภายนอก และพฐ.ที่จะไปพูดคุยกัน ในส่วนของตนมีหน้าที่แค่มาสอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เพิ่มตามที่อัยการมีคำสั่งเท่านั้น

จากนั้นที่ประชุมได้สอบถามนายธานี อ่อนละเอียด ส.ว.ในฐานะอดีต กมธ.กฎหมายฯ สนช.โดยเฉพาะประเด็น บันทึกชวเลขในช่วงการประชุมลับของ กมธ.กฏหมาย สนช. ก่อนที่จะส่งรายงานไปยังอัยการพอดี ซึ่งนายธานีชี้แจงว่า ไม่มีการประชุมลับ เป็นการประชุมอย่างเปิดเผย แต่บางครั้งช่วงที่ กมธ.บางคน แสดงความเห็นส่วนตัว อาจขอไม่ให้เจ้าหน้าที่บันทึกไว้ เจ้าหน้าที่ชวเลขจึงไม่ได้บันทึกไว้

จี้หามือมืด ทำบันทึกการประชุมหาย 8 หน้า

ขณะที่ นายโรม ยืนยันว่ามีการประชุมลับจริง และพบว่า จากบันทึกการประชุม ข้อความจะหายไป 8 หน้า ซึ่งเป็นการประชุมช่วงเรื่องความเร็วรถพอดี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ตามบันทึกกำลังคุยกันถึงความเร็วรถเฟอร์รารี่ จะไม่เกิน 70 กม./ชม. แล้วมามีข้อความหลังจากที่หายไป เป็นเรื่องความเร็วอีก

จากนั้นนายสิระ ได้แจ้งต่อที่ประชุมอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญ พล.ต.อ.สมยศ มาชี้แจงต่อ กมธ.อีกครั้ง

ด้าน การพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ล่าสุดนายวิชา เปิดเผยว่า จะพยายามพิจารณาให้เสร็จตามกรอบ 30 วัน คาดว่าต้นสัปดาห์หน้า น่าจะได้ข้อสรุปประเด็นข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน จากนั้นก็เป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการต่อไป

ส่วนประเด็นการแทรกแซงสำนวน ซึ่งมีชื่อนายตำรวจระดับสูงเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ตัวละครที่เกี่ยวข้องน่าจะรู้ดีกันอยู่แล้ว ขอให้ติดตามและคิดตามไป  เช่นเดียวกับการใช้อำนาจของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด นั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องไปวินิจฉัยต่อไป เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งต้องทำให้ข้อเท็จจริงได้ข้อยุติเสียก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo