Business

เปิด 4 เทรนด์ธุรกิจค้าปลีก ชี้วัดที่ ‘ต้นทุน-ลูกค้า’ เร่งปรับตัวด่วน

เปิด 4 เทรนด์ธุรกิจค้าปลีก เคพีเอ็มจี ชี้ โควิด-19 ตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น แนะผู้ค้าปลีก ทบทวนต้นทุน ปรับเร็วตามความต้องการลูกค้า

นายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว เปิดเผยว่า แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของ อุตสาหกรรมธุรกิจการค้าปลีก มีให้เห็นตั้งแต่ก่อนจะเกิดวิกฤติ โควิด-19 และในช่วงการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้เกิด 4 เทรนด์ธุรกิจค้าปลีก ที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับมือ

shopping online ๒๐๐๘๑๙ 1

ทั้งนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบัน โควิด-19 ได้กระตุ้นให้ แนวโน้มความเปลี่ยนแปลง ของธุรกิจค้าปลีกเกิดเร็วขึ้นใน 4 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจ ความสำคัญของจุดยืนขององค์กร การมุ่งเน้นในการลดต้นทุน และอำนาจที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค

“แทนที่สถานการณ์ปัจจุบันจะหยุดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ กลับกลายเป็นว่าทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดเร็วขึ้นและชัดเจนยิ่งขึ้น” นายเจริญ กล่าว

สำหรับ 4 เทรนด์ธุรกิจค้าปลีก ประกอบด้วย

แนวทางที่ 1: การเปลี่ยนแปลงของรูปแบบธุรกิจ

ก่อนวิกฤติการณ์ โควิด-19 การค้าปลีกผ่านหน้าร้าน ได้รับความนิยมผ่านจุดสูงสุดแล้ว ถึงแม้ว่ าร้านค้าที่มีหน้าร้าน ยังจะสามารถกลับมาเติบโตได้ แต่เห็นได้ชัดว่า จากนี้ไป การเพิ่มยอดขายผ่านหน้าร้านอย่างเดียวนั้น เป็นไปได้ยากขึ้น ธุรกิจที่ยังไม่มีช่องทางออนไลน์ หรือ ช่องทางการส่งสินค้า จะดำเนินไปได้ยากลำบากขึ้น

shopping online ๒๐๐๘๑๙ 0

ดังนั้น แต่ละองค์กร จึงจำเป็นที่จะต้อง วิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรเสียใหม่ นอกจากการซื้อและการขายสินค้าแล้ว ธุรกิจยังจำเป็นที่จะต้องพัฒนาปัจจัยอื่นให้ดีด้วย ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ การจัดส่งสินค้าถึงลูกค้าโดยตรง การวิเคราะห์ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนาการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine learning) และ การใช้เครื่องจักรในระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ

แนวทางที่ 2: จุดยืนองค์กรได้รับความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

ผู้บริโภคตัดสินแบรนด์จากการกระทำและจุดยืนขององค์กร แบรนด์ที่แสดงให้เห็นว่าทำประโยชน์ให้กับประชาชนจะมีการเติบโตมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้ทำประโยชน์ถึง 2.5 เท่า (ในระยะเวลา 12 ปี) ดังนั้นผู้ประกอบการค้าปลีกจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความโปร่งใสให้กับองค์กร แบรนด์ที่สนับสนุนเกื้อกูลลูกค้าและพนักงานของตนมากกว่าแบรนด์อื่นจะได้รับความไว้วางใจจากสังคมมากขึ้น

Charoen Phosamritlert

แนวทางที่ 3: พิจารณาทบทวนต้นทุนในการทำธุรกิจ

ผู้ประกอบการค้าปลีกต่างเล็งเห็นว่าการลดต้นทุนโดยใช้วิธีดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอต่อการประคับประคองผลประกอบการและฟื้นฟูธุรกิจได้ ซึ่งรวมไปถึงกลยุทธ์รัดเข็มขัดอย่างเคร่งครัดเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ COVID-19 ด้วย ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ตระหนักถึงความจำเป็นที่พวกเขาต้องมีมาตรการที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและต้องมีความชัดเจนหากต้องการที่จะมีกำไรในปีถัดๆ ไป เราคาดว่าจะได้เห็นองค์กรลงทุนเพิ่มคุณค่าให้กับต้นทุนที่มีอยู่เดิมในเร็วๆ นี้ นอกจากนั้นการพิจารณาทบทวนค่าใช้จ่ายในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน การจัดการสินค้าคงคลัง และการวางแผนต้นทุนในการขนส่งและรับสินค้าแล้ว เราจะได้เห็นผู้ค้าปลีกเริ่มทบทวนมูลค่าสินทรัพย์อื่นๆ ขององค์กร โดยเฉพาะร้านค้า พนักงาน และความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ (Customer loyalty)

แนวทางที่ 4: ตัวเลือกของผู้บริโภคกลายเป็นที่เพ่งเล็ง

ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการตัวเลือกที่หลากหลายเท่ากับความพร้อมของสินค้าในคลังและการเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงล็อคดาวน์ของสถานการณ์ COVID-19 นั้น ร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างหาวิธีลดจำนวนชนิดของสินค้าที่ขาย โดยเน้นเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการสูง ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการห่วงโซ่อุปทานและการจัดการเงินทุนหมุนเวียนขององค์กรให้ดีขึ้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ธุรกิจค้าปลีกที่จะสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้มี 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจที่เสนอสินค้าที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และธุรกิจที่เสนอขายสินค้าที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการของผู้บริโภค

shopping online ๒๐๐๘๑๙

“จาก 4 แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกในปี 2020 นี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่า องค์กรจะต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยที่พวกเขาจะต้องพัฒนาโครงการ Customer loyalty หาวิธีการและลักษณะการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าใหม่ๆ มีจุดยืนที่ชัดเจนและโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ และลงทุนในแพล็ตฟอร์มที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจได้” คุณเจริญ กล่าวสรุป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo